หลายคนชอบซื้อหุ้นใหญ่ เพราะดูมั่นคง แข็งแรง จ่ายปันผลสม่ำเสมอ
แต่ก็มีอีกหลายคนชอบซื้อหุ้นตัวเล็ก เพราะเด็ก ๆ โตเร็ว วิ่งปรู๊ดปร๊าดขึ้นแรงลงเร็ว
ผมขอเปรียบเทียบกับ “นักฟุตบอล” จะได้เห็นภาพกันชัด ๆ แบบนี้
หุ้นใหญ่ เปรียบเหมือนักบอลตัวท็อป พูดชื่อไปใครก็รู้จัก ฝีไม้ลายมือเป็นที่ยอมรับ อย่างเช่น โรนัลโด้ เมสซี่ ใคร ๆ ก็อยากได้มาอยู่ในทีม แต่ค่าตัวก็แพงลิบลิ่วมากกว่าร้อยล้านปอนด์ ค่าเหนื่อยก็หลายแสนปอนด์ต่อสัปดาห์
หุ้นเล็ก เปรียบเหมือนนักบอลทั่ว ๆ ไป ที่ผู้คนอาจยังไม่รู้จักมาก ค่าตัวยังไม่แพงอาจจะหลักล้านหรือสิบล้านปอนด์ ค่าเหนื่อยก็หลักหมื่นปอนด์ต่อสัปดาห์ วันนี้อาจดูธรรมดา ๆ แต่ถ้าฝึกฝนดี ๆ ก็สามารถพาทีมเป็นแชมป์ได้ และวันข้างหน้าก็คงมีหลายทีมอยากได้ตัวและพร้อมอัพค่าตัวให้อย่างแพง อย่างเช่น คูตินโญ่ ซัวเรซ ที่ลิเวอร์พูลซื้อตัวมาในราคาไม่เท่าไหร่ แต่ขายออกไปในราคาที่มากขึ้นหลายเท่าตัว
ส่วนตัวเราก็เปรียบเหมือน “ผู้จัดการทีม” ที่คอยมองหานักเตะเข้ามาเสริมทัพ เพื่อให้ทีมประสบความสำเร็จในฤดูกาลถัดไป แต่ไม่ใช่ว่าจะเลือกใครมาก็ได้ เพราะเราก็มีข้อจำกัดเรื่องเงิน และเราก็ต้องวางแผนการทำทีมว่าจะให้เป็นไปในรูปแบบไหน ควรจะเลือกนักเตะแบบไหนเพื่อให้เข้ากับสมดุลของทีมได้ดีที่สุดภายใต้งบที่มีอยู่
และสุดท้าย อันดับตอนจบฤดูกาล หรือถ้วยแชมป์ ก็จะเป็นคำตอบว่าสิ่งที่เราในฐานะผู้จัดการทีม เลือกนักเตะที่เหมาะสม และแสดงศักยภาพออกมาได้เต็มที่คุ้มค่าตัวหรือไม่
กลับมาที่เรื่องหุ้น ในฐานะผู้จัดการกองมรดกของเราเอง ก็ต้องมาทำความเข้าใจว่า “หุ้นใหญ่” กับ “หุ้นเล็ก” มีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันอย่างไร เพื่อที่ว่าเราจะได้เลือกลงทุนถูกตัว
** หุ้นใหญ่ หน้าตาเป็นอย่างไร **
เวลาเราพูดว่า หุ้นใหญ่ เราไม่ได้หมายถึง หุ้นที่มีราคาสูงหลายร้อยบาท แต่เรากำลังมองถึงมูลค่าของกิจการ หรือว่า Market Cap ที่มีขนาดเป็นหมื่นเป็นแสนล้านบาท อย่างเช่น PTT, SCC, CPALL, AOT เป็นต้น ลักษณะของหุ้นใหญ่มักจะเป็นแบบนี้
1) มีชื่อเสียง มั่นคง แข็งแรง ผ่านการยอมรับว่าดี ใคร ๆ ก็รู้จัก เป็นนักเตะในฝันที่ใคร ๆ ก็ต้องการ ทั้งกองทุน ต่างชาติ หรือรายย่อย
2) หาข้อมูลได้ง่าย มีบทวิเคราะห์ออกมาเยอะแยะ มีคนติดตามข่าวอยู่ทุกวัน เหมือนเราลองเสิร์ชชื่อ โรนัลโด้ หรือ เมสซี ก็จะเห็นข่าวเต็มไปหมด
3) จ่ายปันผลสม่ำเสมอ บางบริษัทจ่ายเป็น 100% ก็มี เพราะไม่ได้มีแผนการลงทุนอะไร แค่รักษาอัตรากำไรจากธุรกิจเดิมให้อยู่ได้เรื่อย ๆ ก็พอ
4) ราคาหุ้นในภาวะปกติไม่ค่อย Under Value เพราะใคร ๆ ก็ประเมินมูลค่าที่เหมาะสมให้อยู่ตลอด ถ้าราคาร่วงลงไปเมื่อใดโดยที่ผลประกอบการณ์ยังดีอยู่ ก็จะมีคนซื้อกลับขึ้นมาทุกครั้งไป
5) ฐานกำไรใหญ่ การเติบโตเป็นสิบ ๆ เท่า ทำได้ยาก Market Cap ของ PTT เติบโตจาก 9 แสนล้านบาท มาเป็น 1.6 ล้านล้านบาท (+82%) ในเวลา 5 ปี CPALL เติบโตจาก 380,000 ล้านบาท มาเป็น 780,000 ล้านบาท (+105%) ในช่วงเวลาเดียวกัน หรือ SCC ก็เติบโตน้อยมากอยู่ราว ๆ 5-6 แสนล้านบาท
** หุ้นใหญ่ ลงทุนยังไงดี **
1) ลงทุนตอนวิกฤต คือ อาจจะเป็นตอนที่ตลาด panic ชั่วคราว หรือวิกฤตเศรษฐกิจ หรือวิกฤตเฉพาะของหุ้นตัวนั้น ๆ ที่เราวิเคราะห์ดูแล้วพบว่า ความสามารถในการแข่งขันหรือความแข็งแกร่งไม่ได้ลดน้อยลงไป สุดท้ายราคาจะกลับมาดีเหมือนเดิมถ้าวิกฤตผ่านพ้นไป
2) ลงทุนแบบ DCA คือ เราประเมินแล้วว่า หุ้นตัวนี้ดี เป็นผู้นำในตลาดที่เติบโตไปได้อีกหลายสิบปี ราคาก็เพิ่มขึ้นไปเรื่อย ๆ ทุกวัน ๆ แบบนี้ก็ซื้อเฉลี่ยทุกเดือนเลยก็ได้ครับ ผมให้เคล็ดลับนิดนึงว่าวันที่เหมาะสมในการ DCA คือ วันที่เงินเดือนออกเพราะเรามีตังค์ในวันนั้นแน่ ๆ และจะได้ยังไม่ทันคิดว่าจะซื้ออย่างอื่น คือเอาไปซื้อหุ้นดีก่อนเลย หรืออีกวันที่เป็นวันดีคือซื้อให้ตรงกับวันเกิดเราก็ได้ ถือซะว่าเป็นของขวัญวันเกิดให้ตัวเองทุกเดือน
3) ลงทุนหวังปันผล แบบนี้ซื้อเมื่อไหร่ก็ได้ คือ เราหาหุ้นดี จ่ายปันผลสม่ำเสมอ ในอัตราที่มากกว่าเงินฝากธนาคาร พันธบัตรรัฐบาล ซื้อด้วยเงินเย็นเก็บไว้ ไม่ได้เดือดร้อนอะไร เอาเงินปันผลที่ได้มาใช้จ่ายในชีวิตประจำวันไป
** หุ้นเล็ก หน้าตาเป็นอย่างไร **
มาถึง หุ้นขนาดเล็ก ก็ไม่ใช่หุ้นที่มีราคาบนกระดานหลักสตางค์หลักบาท แต่เรากำลังพูดถึงหุ้นที่มี Market Cap หลักไม่กี่พันล้านบาท อย่างเช่น ASIAN, EKH, RJH เป็นต้น ลักษณะของหุ้นเล็กมักจะเป็นแบบนี้
1) ไม่ค่อยเป็นที่รู้จักมากนัก บางตัวบอกชื่อยังต้องถามว่าหุ้นตัวนี้ทำอะไร พวกกองทุนใหญ่ ๆ หรือต่างชาติมักไม่ค่อยสนใจเพราะว่าขนาดเล็กเกินไป ซื้อทีก็วิ่งไปซิลลิ่งหลายวันแน่ ๆ
2) หาข้อมูลไม่ค่อยง่าย บางตัวแทบไม่มีบทวิเคราะห์ออกมาเลย เหมือนนักเตะโนเนมไม่ค่อยเป็นที่รู้จักมากนัก
3) จ่ายปันผลน้อย บางตัวไม่จ่ายเลยก็มีเพราะจะเก็บเงินไปลงทุนต่อยอดเพื่ออนาคต
4) ราคาหุ้น Under Value ได้มาก ถ้ายังไม่มีใครมองเห็นศักยภาพ เหมือนเพชรในตม ที่อาจกำลังรอการเจียระไนอยู่ ตอนนี้เพิ่งถูกขุดขึ้นมา รอแค่เวลาให้เปล่งประกาย
5) ฐานกำไรเล็ก การเติบโตเป็นสิบหรือร้อยเท่าเป็นไปได้ เช่น Market Cap ของ COM7 เติบโตจาก 6 พันล้านบาท มาเป็น 23,000 ล้านบาท หรือเกือบ 4 เท่า ในเวลา 5 ปี SPA เติบโตจาก 2,300 ล้านบาท มาเป็น 10,000 ล้านบาท หรือเกือบ 5 เท่า ในช่วงเวลาเดียวกัน
** หุ้นเล็ก ลงทุนยังไงดี **
1) ลงทุนตอนกำลังจะโต คือ หุ้นแบบนี้ต้องใช้เวลาเติบโต เหมือนบ้านที่กำลังสร้างอยู่ เราเห็นแบบแปลนแล้วว่าสร้างเสร็จจะสวยงามเพียงใด เราก็ค่อยเข้าไปซื้อตอนใกล้ ๆ เสร็จ เช่น โครงบ้านเสร็จแล้ว เหลือตกแต่ง ทำระบบน้ำไฟ แต่ไม่ใข่ว่าเราไปซื้อตอนเหลือแค่ทาสีรั้ว เพราะนั่นอาจจะช้าเกินไปและก็อาจจะมีคนซื้อตัดหน้าเราไปก่อนก็ได้
2) ลงทุนแบบ Lump Sum คือ ใช้เงินทั้งก้อนซื้อไปเลย ไม่ต้องมามัว DCA เป็นสิบปี เพราะหุ้นแบบนี้ คือ เราต้องใช้ความพยายามขุดหาจนเจอ พอเจอแล้วว่าเป็นเพชรแท้แน่ ๆ ก็ให้ซื้อเลย แล้วก็รอเวลาเติบโต ถ้าอยากซื้อเพิ่มก็ขอให้มั่นใจว่าเวลาผ่านมาหลายๆ ไตรมาสแล้ว ยังเป็นหุ้นที่เติบโตอยู่ เหมือนนักบอลที่เล่นดี เราก็ปรับเพิ่มค่าเหนื่อยให้ได้เวลาต่อสัญญาฉบับใหม่
3) ลงทุนหวัง Capital Gain โดยส่วนมากหุ้นเล็ก ถ้าเติบโตจริง ราคาหุ้นจะวิ่งแรง เราก็จะได้กำไรจากส่วนต่างของราคามากกว่า และในช่วงแรก ๆ หลายบริษัทเองก็อาจจจะไม่ได้จ่ายปันผลในอัตราที่สูง เพราะยังต้องการใช้เงินเพื่อลงทุนสร้างอนาคตอยู่
สุดท้าย สิ่งที่อยากจะฝากบอกทุกคนก็คือ ก่อนที่เราจะเลือกลงทุนไม่ว่าจะเป็นหุ้นใหญ่หรือหุ้นเล็กก็ตาม เราในฐานะผู้จัดการทีมต้องเข้าใจระบบ แผนการเล่น ความคาดหวัง งบประมาณ ให้ชัดเจนก่อน แล้วค่อยไปเลือกตัวผู้เล่นที่เหมาะที่สุดมาอยู่ในทีม ถ้าเราชัดเจนในหลักการและเข้าใจตัวเอง สุดท้ายไม่ว่าผู้เล่นแบบไหนก็พาเราไปถึงแชมป์ได้อย่างแน่นอน
บทความจากแชมป์โครงการ stock writer
ติดตามเรื่องราวการลงทุนด้วยสไตล์การเล่าง่าย ๆ แบบนี้ได้ที่นี่เลยครับ
https://www.facebook.com/stock.vitamins/
-----------------------------------------------------------------
กิจกรรมมอบรางวัลแด่ แชมป์ stock writer : นักเขียนเซียนหุ้น Season 1
พร้อม Mini Talk จาก แชมป์ stock writer และ CEO stock2morrow
"สูตรการลงทุนสไตล์ Stock Vitamin"
คุณ จิม ศรุติ โชติเสรีวิทย์
(เจ้าของเพจ Stock Vitamins - วิตามินหุ้น)
แชมป์ Stock Writer Season1
"กระแสการลงทุนครึ่งปีหลังที่ต้องจับตา"
คุณ ป้อม ปิยพันธ์ วงศ์ยะรา
CEO stock2morrow
ลงทะเบียนได้แล้ววันนี้ : http://bit.ly/2tBdpU2
ไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้นนะครับ