#ลงทุนแนวปัจจัยพื้นฐาน

GPSC ซื้อ GLOW ใครได้ใครเสีย ?

โดย stock2morrow
เผยแพร่:
118 views

GPSC เป็นแกนนำในการดำเนินธุรกิจไฟฟ้า เพื่อรองรับการเติบโตของธุรกิจของกลุ่ม ปตท.และอุตสาหกรรมอื่นๆ บริษัทมีธุรกิจทั้งในและต่างประเทศและมีโรงไฟฟ้าที่หลากหลาย ปัจจุบันมีกำลังการผลิตมากถึง 1,530 เมกกะวัตต์ ไอน้ำ 1,512 ตัน/ชั่วโมง น้ำเพื่ออุตสาหกรรม 2,080 ลูกบาศก์เมตรต่อชั่วโมง และน้ำเย็น 12,000 ตันความเย็น

ในปี 2560 ที่ผ่านมา GPSC มีสัดส่วนรายได้จากธุรกิจไฟฟ้า 66% ธุรกิจไอน้ำ 26% ธุรกิจน้ำเพื่ออุตสาหกรรม/น้ำเย็น 2%

เมื่อวันที่ 20 มิถุนายนที่ผ่านมา บริษัทเสนอผู้ถือหุ้นพิจารณาเพิ่มทุน 7.4 หมื่นลบ. และกู้เงินระยะสั้น 1.4 แสนลบ. เพื่อใช้ซื้อหุ้น GLOW จากผู้ถือหุ้นใหญ่ พร้อมทำเทนเดอร์หุ้นที่เหลือทั้งหมด แต่ไม่เพิกถอนออกจากตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งผิดกับที่นักวิเคราะห์คาดว่า GPSC "จะไม่เพิ่มทุน" และซื้อจากกลุ่มผู้ถือหุ้นเดิมที่ราคาสูงกว่าที่คาด

GPSC จะใช้เงินมากถึง 9.7 หมื่นล้านบาทกับการซื้อหุ้น 69.11% ที่ราคา 96.5 บาท/หุ้นจากผู้ถือหุ้นรายใหญ่และตั้งโต๊ะเทนเดอร์ซื้ออีกรวมแล้ว 1.4 แสนล้านบาท ซึ่งจะกระทบกับฐานะทางการเงินของ GPSC จึงต้องมีการเพิ่มทุนอย่างที่เป็นข่าว

 

ต้องยอมรับอย่างหนึ่งว่า GLOW ใหญ่กว่า GPSC การเข้าซื้อครั้งนี้ส่งผลบวกต่อ GPSC ในระยะยาวที่จะช่วยเสริมรายได้ในอนาคต ว่ากันว่าจะทำให้ GPSC โตขึ้นถึง 1.5 เท่า มีกำลังการผลิตสูงถึง 4.8GW เลยทีเดียว อีกทั้งยังช่วงเสริมกำไรสุทธิได้ราว 70-100% แตะระดับหมื่นล้านบาทได้ไม่ยาก แต่นั้นต้องแลกมาด้วยหนี้สิน D/E ที่พุ่งสูงถึง 3 เท่า รวมถึงดอกเบี้ยจ่ายที่จะกดดันผลประกอบการของ GPSC ต่อไป

 

ลองมาฟังมุมมองของนักวิเคราะห์กันครับ ... (ที่มา EfinanceThai)

บล.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ระบุ มีมุมมอง"เชิงบวก"ต่อการเข้าซื้อหุ้น GLOW ซึ่งจะเป็นโอกาสสำคัญในการขยายธุรกิจ และเพื่อรองรับการเติบโตในอนาคต เนื่องจากโรงไฟฟ้าของ GLOW ตั้งอยู่ใน จ.ระยอง ซึ่งเป็นพื้นที่ในโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ที่รัฐบาลมีนโยบายสนับสนุน และโรงไฟฟ้าหลักอยู่ในประเทศไทยที่มีความเสี่ยงในการประกอบธุรกิจต่ำกว่าต่างประเทศ
นอกจากนี้ GLOW มี ROE ที่ 19% สูงกว่า GPSC ที่อยู่ราว 9% จะช่วยเพิ่มมูลค่าหุ้นในระยะยาว แต่ราคาหุ้นอาจมีผลกระทบจากการไดลูท แต่จะมากน้อยเท่าไหร่ขึ้นกับราคาหุ้นเพิ่มทุน ซึ่งจะต้องรอรายละเอียดเพิ่มเติม

 

บล.เคที ซีมิโก้ เผย หากดีลการเข้าซื้อสำเร็จ จะเป็นกลยุทธ์การเติบโตเชิงบวกต่อ GPSC โดยคาดกำลังการผลิตรวมทั้งหมด รวมโครงการในแผนงานของ GPSC จะเพิ่มขึ้นราว 1.5 เท่า จาก 1.9GW เป็น 4.8GW (บนสัดส่วนถือหุ้น 100%) ขณะที่กำไรสุทธิคาดจะเพิ่มขึ้นราว 50-100% เป็น 7,000 -10,000 ล้านบาท (บนสัดส่วนถือหุ้นที่ 69.11% - 100%)
อย่างไรก็ดีการเติบโตของ EPS จะต้องขึ้นอยู่กับจำนวนหุ้นเพิ่มทุน และสัดส่วนการได้มาของหุ้นหลังการทำเทนเดอร์ด้วย โดยเบื้องต้นคาดผลกระทบจากการไดลูท(Dilution)จะอยู่ที่ราว 70%

 

บล.เอเซีย พลัส เผยประเด็นดังกล่าวเบื้องต้นถือเป็นบวกแต่ไม่มากนัก เนื่องจากแหล่งเงินทุนของ GPSC สำหรับการลงทุนในครั้งนี้ จะมาจากการกู้ยืมสถาบันการเงินด้วยวงเงินไม่เกิน 1.4 แสนล้านบาท รวมถึงการออกหุ้นกู้ด้วยวงเงินไม่เกิน 6.8 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะส่งผลให้ภายหลังธุรกรรมดังกล่าวเสร็จสิ้นจะทำให้ D/E Ratio ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ในระดับเกือบ 3 เท่า จากเดิมที่อยู่ที่ 0.5 เท่า ณ สิ้นงวด Q1/61 แม้การขยายการลงทุนธุรกิจโรงไฟฟ้าเพิ่มเติม จะสอดคล้องกับเป้าหมายของ GPSC ที่ต้องการเป็นหนึ่งในผู้นำธุรกิจโรงไฟฟ้าในประเทศ 
เบื้องต้นคาดการกู้ยืมเพื่อเข้าซื้อกิจการเกือบ 100% จะส่งผลให้ภาระดอกเบี้ยจ่ายต่อปีอยู่ในระดับที่ค่อนข้างสูงมาก ขณะที่กำไรสุทธิของ GLOW เฉลี่ยต่อปีอยู่ระหว่าง 8-9 พันล้านบาท ประกอบกับ GLOW ยังไม่มีโครงการลงทุนใหม่ในมือ ทำให้มูลค่าเพิ่มที่เกิดขึ้นกับ GPSC จากการเข้าซื้อ GLOW ไม่มีนัยฯมากนัก ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างทบทวนประมาณการและจะนำเสนอรายละเอียดอีกครั้ง

 

เมื่อฟังมาถึงตรงนี้ ก็ต้องบอกว่าเป็นเหรียญสองด้าน นั้นคือจะช่วยหนุนการเติบโตได้ในระยะยาว แต่นั้นก็ต้องแลกมาด้วยความไม่ชัดเจนหลายอย่าง เช่น การเพิ่มทุนอยู่ที่เท่าไร , GPSC จะดึงศักยภาพของ GLOW ได้อย่างไร, และหนี้ทีพุ่งสูงถึง 3 เท่า จะมีการจัดการอย่างไร ประเด็นเหล่านี้ยังไม่ชัดเจนเท่าไรนัก

มีนักลงทุนหลายท่านวิเคราะห์ไว้ว่า การเพิ่มทุนนั้นถึงแม้ PTT จะ "ไฟเขียว" ก็จริง แต่ PTTGC และ TOP ก็มีสัดส่วนหุ้นใน GPSC สูงอยู่เช่นเดียวกัน ไม่ได้หมายความทั้ง PTTGC และ TOP จะเพิ่มทุนเต็มจำนวน ถ้าทั้ง 2 บริษัทไม่ได้เพิ่มตามจำนวน จะเป็นประเด็นลบกดดันราคาหุ้น GPSC ไประยะหนึ่งในเรื่องของความเชื่อมั่น

 

== สรุปแล้ว ==


ในมุมมองของผู้เขียน คนที่ได้ประโยชน์สูงสุดน่าจะเป็นผู้ถือหุ้นเดิมของ GLOW ที่สามารถขายได้ราคาสูงกว่า P/BV ถึงเกือบ 3 เท่า (มูลค่าทางบัญชี 35 บาท)

ส่วน GPSC ยังไม่ชัดเจนเท่าไรนัก แต่สิ่งที่ได้ คือ การหนุนการเติบโตในระยะยาว รายได้เพิ่มขึ้น กำไรถูกกดดันระยะสั้นแต่จะเป็นบวกในระยะยาว

แต่คนที่เสียมากที่สุดน่าจะเป็นผู้ถือหุ้น GPSC ที่ยังไม่แน่ชัดว่าจะโดนเพิ่มทุนที่เท่าไร เพราะคำว่า "เพิ่มทุน" แค่ใครได้ยิน ... ก็ร้องหนีกันแล้ว !!?! 
แต่นั้นเป็นเรื่อง"ระยะสั้น" เท่านั้นนะ ของแบบนี้ต้องมองในระยะยาว มีหลายบริษัทที่โดนกดดันเรื่องเพิ่มทุนก็จริง แต่สุดท้ายก็กลับมา Perform ได้ดีมาก .... ดูอย่าง IVL หรือ BJC เป็นตัวอย่าง


ศูนย์รวมความรู้เรื่องหุ้น ศูนย์รวมนักลงทุนรายย่อย ที่อยากรู้วิธีการลงทุนในหุ้นอย่างถูกต้องและได้กำไรอย่างยั่งยืน ติดตามเราได้ที่

www.stock2morrow.com 

FB: stock2morrow 

LINE@stock2morrow

FacebookInstagramYoutubeLine

บทความอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง