SCC หรือหุ้นที่นักลงทุนเรียกกันว่าหุ้นปูนใหญ่ ถือว่าเป็นหุ้นตัวหนึ่งที่อยู่กับตลาดหลักทรัพย์ไทยมายาวนานและมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง มีการเติบโตอยู่ในเกณฑ์ดีและสร้างผลตอบแทนทั้่งส่วนต่างราคาหุ้นและเงินปันผลให้กับนักลงทุนเรื่อยมา เรียกได้ว่าเป็นหุ้นสำหรับนักลงทุน"พันธุ์แท้" ก็ไม่ผิดนัก
ในปี 2552 หุ้น SCC อยู่ในระดับ 90 กว่าบาท และไต่ระดับขึ้นมาเรื่อยๆจนมาแตะจุดสูงสุดที่ 550 บาทในปี 2558 ขึ้นมาสูงถึง 5 เท่าในเวลา 7 ปี ถือว่าเป็นหุ้นใหญ่ที่หายากที่จะสร้างผลตอบแทนได้สูงขนาดนี้ แต่หลังจากการแตะระดับ 550 บาท พอมาในปี 2560 ราคาหุ้น SCC ก็ร่วงลงมาอย่างต่อเนื่องจนหลุด 500 บาท นักวิเคราะห์เริ่มมองภาพของ SCC ไม่ค่อยดีเท่าไรนัก กำไรไตรมาส1/2561 ที่ต่ำกว่าที่คาดการไว้ นักลงทุนสถาบันในไทยและต่างชาติเริ่มเทขายหุ้นลงมา ราคาน้ำมันดิบทีเพิ่มสูงขึ้นทำให้กำไรของธุรกิจปิโตรเคมีลดลง ค่าเงินบาทที่ผันผวน ปัจจัยเหล่านี้ล้วนเป็นปัจจัยลบต่อ SCC ทั้งสิ้น
SCC เป็นธุรกิจ Holding ใน 3 ธุรกิจหลัก ได้แก่ ธุรกิจซิเมนต์-ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง ธุรกิจเคมีภัณฑ์ และธุรกิจแพคเกจจิ้ง
โดยสัดส่วนรายได้แบ่งเป็น ปิโตรเคมี 46%, ธุรกิจปูนซีเมนต์ 36% และธุรกิจแพคเกจจิ้ง 18%
ในขณะที่สัดส่วนกำไรสุทธิแบ่งเป็นปิโตรเคมี 76%, ธุรกิจปูนซิเมนต์ 14%, ธุรกิจแพคเกจจิ้ง 8% และจากบริษัทที่ลงทุนโดยบันทึกเป็นเงินปันผลประมาณ 2%
จะเห็นได้ว่าธุรกิจปิโตรเคมีเป็นหัวใจหลักของ SCC รองลงมาคือธุรกิจปูนซีเมนต์-วัสดุก่อสร้าง ดังนั้นนักลงทุนจำเป็นจะต้องติดตามธุรกิจหลักให้ดี โดยเฉพาะเรื่องของราคาน้ำมันที่มีผลต่อกำไรในธุรกิจปิโตรเคมี
เมื่อไม่นานมานี้ SCC ได้เข้าร่วมกับบริษัท JUSDA ของจีนเพื่อดำเนินธุรกิจบริการขนส่งและบริหารจัดการระบบ Supply Chain มูลค่าการลงทุน 333 ล้านบาท อีกทั้งเข้าลงทุนธุรกิจปิโตรเคมีในเวียดนามมากถึง 2.9 พันล้านบาท ปัจจัยเหล่านี้จะเป็นการเติบโตในอนาคต
ในไตรมาสแรกของปี 2561 ได้ประกาศผลประกอบการออกมา ถือว่าแย่กว่าที่ตลาดคิดเอาไว้โดยเป็นผลมาจากการลดลงของธุรกิจเคมิคอลมากถึง 38% ผลกระทบจากค่าเงินบาทแข็งค่า ต้นทุนปิโตรเคมีสูงขึ้นเนื่องมาจากการพุ่งของราคาน้ำมัน
ในขณะที่ธุรกิจแพคเกจจิ้งโตสูงถึง 29% และปูนซีเมนต์ที่โต 10%
จากแนวโน้มผลประกอบการของ SCC ที่น่าผิดหวัง ส่งผลให้กองทุนต่างชาติอย่าง Aberdeen Asset Management Asia ตัดขายหุ้นออกมา
ที่ผ่านมา SCC มีรายได้อยู่ในช่วง 4.5 แสนล้าน - 5 แสนล้าน กำไร 4.5 หมื่นล้าน - 5.5 หมื่นล้านคิดเป็น Net Margin ราวๆ 9-10% ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่น่าพอใจ
ในขณะที่ปันผลอยู่ประมาณ 3-4%
ราคาหุ้นมี P/E และ P/BV ที่ไม่สูงมากนัก เมื่อเทียบกับ ROE ที่อยู่ในเกณฑ์ 20%+
บทวิเคราะห์ว่าอย่างไรบ้าง ?
MBKET แนะนำให้ "ถือ" สำหรับหุ้น SCC โดยให้ราคาเป้าหมายที่ 500 บาท ให้เหตุผลไว้ว่า ธุรกิจการก่อสร้างยังชะลอตัวลง ธุรกิจแพคเกจจิ้งอยู่ในช่วงโลวซีซั่น แรงกดดันทางด้านน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้นจะกดประมาณการไตรมาส 2/61 ให้ออกมาไม่ดี อย่างไรก็ดี SCC มีจุดเด่นที่กระแสเงินสดสูงประมาณ 8 หมื่นล้านบาท มีเป้าการลงทุนปีละ 5-6 หมื่นล้าน เสริมการเติบโตในอนาคต และจะรักษาระดับการปันผลที่ 4%
อ่านฉบับเต็มได้ที่นี้ :http://portal.settrade.com/brokerpage/IPO/Research/upload/2000000342150/180521_SCC_t.pdf
Asiawealth คาดว่าธุรกิจปิโตรเคมีในปี 2561 มีแนวโน้มทรงตัว ธุรกิจปูนซีเมนต์ที่ไม่โต โครงการลงทุนที่เวียดนามล่าช้ากว่าที่คาดไว้ แต่ไดรับแรงหนุนจากธุรกิจกระดาษและบรรจุภัณฑ์ที่มีแนวโน้มเติบโตดี การเข้ามาลงทุนของ Alibaba จะกระตุ้นให้ยอดการใช้กระดาษเพิ่มมากขึ้น น่าจะโตประมาณ 5-10% คงคำแนะนำ "ถือ" ให้ราคาที่ 520 บาท
อ่านฉบับเต็มได้ที่นี้ : http://portal.settrade.com/brokerpage/IPO/Research/upload/2000000340530/SCC-180426-Company%20Update%20(TH).pdf
Phillip Capital แนะนำ "ซื้อ" โดยให้ราคาเป้าหมาย 550 บาท ถึงแม้กำไรไตรมาส 1/61 จะต่ำกว่าที่คาดไว้ แต่แนวโน้มปิโตรเคมียังดี ธุรกิจปูนจะฟื้นตัว
อ่านฉบับเต็มได้ที่นี้ :http://portal.settrade.com/brokerpage/IPO/Research/upload/2000000340423/SCC042618_t.pdf
หุ้นปูนใหญ่ ถือว่าขึ้นมาเยอะมากในช่วง 6-7 ปีที่ผ่านมา ราคาหุ้นอาจจะเข้าสู่ช่วงของการปรับฐานตามธรรมชาติของราคาหุ้นที่มีขึ้น-ลง-ปรับฐาน แต่ถ้าดูจากวงจรของธุรกิจแล้วอาจจะเริ่มค้นหาการเติบโตรอบใหม่ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนที่จีนและการลงทุนที่เวียดนาม สิ่งเหล่านี้จะเป็นปัจจัยการเติบโตของธุรกิจในอนาคต อยู่ที่ว่านักลงทุนรอได้หรือไม่ ในมุมมองของนักวิเคราะห์เชื่อว่า SCC จะถูกกดดันจากผลประกอบการที่ไม่โตในระยะสั้น จึงแนะนำ "Hold" ไปก่อนจนกว่าจะเริ่มเห็นผลประกอบการกลับมาฟื้นตัวอีกครั้ง
แหล่งข้อมูล
www.set.or.th
www.settrade.com
https://www.prachachat.net/finance/news-166041
https://www.prachachat.net/finance/news-157042
https://efinancethai.com/LastestNews/LatestNewsMain.aspx?ref=P&id=akF3eDR6MWhMalE9