#แนวคิดด้านการลงทุน

ทำไมหนูถึงติดกับดัก?

โดย นิติพงษ์ หิรัญพงษ์
เผยแพร่:
308 views

วันก่อนผมเขียนบทความลงบนเพจ “โค้ชพี่ป๊อบ” เป็นบทความเกี่ยวข้องกับคำถามของแฟนเพจทำนองว่า มีคนชวนลงทุน และให้ผลตอบแทนมหาศาล ชนิดปันผลเดือนละ 8% แถมทั้งคืนเงินต้นอีกเดือนละ 8% โดยให้เหตุผลว่า เงินที่ระดมทุนดังกล่าว นำไปลงทุนในหุ้น ในบิตคอยน์ หรืออะไรก็แล้วแต่ ซึ่งแน่นอนครับ มัน ดีเกินจะเชื่อ จากบทความดังกล่าว มันมีแง่คิดมุมมองหลายอย่าง แต่ผมคงไม่ได้เอามาเล่าซ้ำในนี้ ใครสนใจก็ลองติดตามอ่านดูจากหน้าเพจ“โค้ชพี่ป๊อบ” นะครับก็ถือโอกาสฝากคุณผู้อ่านติดตามด้วยเลยแล้วกัน แฮร่

แต่ที่ผมยกบทความจากหน้าเพจมาพูดเพราะมันมีคำถามหนึ่ง ที่ผมอยากจะชวนคุณๆ ลองนำกลับไปคิด หรือคิดตามไปกับผม คำถามนั้น คือ ทำไมหนูถึงติดกับดัก?

เราต่างปฏิเสธไม่ได้ว่า การที่คนส่วนใหญ่ก้าวเข้ามาในตลาดวันแรกนั้น เหตุผลสำคัญคงไม่หนีไปไกลจากคำประมาณนี้ ตลาดมันทำกำไรได้ง่าย รวยง่ายๆ หรือ อยากรวย ใช่ไหมครับ? แต่เมื่อเข้ามาแล้วสักระยะ เหลือไม่ถึง 20% ที่จะรอด และใน 20% นั้น เหลืออีกเพียงไม่กี่เปอร์เซ็นต์ ที่สามารถทำกำไรได้สม่ำเสมอ จนยึดเป็นอาชีพได้ ส่วนจะรวยชนิดเปลี่ยนหลักนั้น มันก็คงขึ้นอยู่กับอีกหลายปัจจัย ไม่ใช่ว่าทุกคนจะรวยเปลี่ยนหลัก รวยฟ้าผ่า กันง่ายๆ ดังนั้น เราสรุปที่ย่อหน้านี้ไว้ก่อนว่า เงินง่าย ไม่มี รวยเร็ว รวยเปรี้ยง รวยฟ้าผ่า ก็ไม่มี

แต่คุณเชื่อมั้ย ในตลาดที่ขับเคลื่อนด้วยความโลภของมนุษย์ มันก็เป็นแหล่งทำกำไร ของคนที่แกร่งกว่า เก่งกว่า ฉลาดกว่า หากมันเป็นไปตามกติกาของตลาดหุ้น ก็ถือมันยุติธรรม เพราะทุกคนเข้ามาในตลาด ต้องรู้อยู่แล้วว่า ที่นี่คือ Zero Sum Game มีคนได้เงิน ก็ต้องมีคนเสียเงิน ในจำนวนที่เท่ากัน คนที่เสียเงินจะมาร้องไห้ ตีโพยตีพายไม่ได้ ก็ต้องยอมรับกติกากันไป

ไม่ว่าจะได้กำไร หรือขาดทุน เมื่อจบการเทรดในไม้นั้นผมอยากให้ทุกคนกลับมาทบทวนว่า กำไรเพราะอะไร และขาดทุนเพราะอะไร อะไรดีก็เก็บไว้พัฒนาต่อไป อะไรผิด ก็แก้ไขและพยายามอย่าผิดด้วยเหตุผลนั้นๆ อีก เริ่มจากการ หยุดขาดทุน จำกัดการขาดทุน ทำกำไรให้ได้สม่ำเสมอ แล้วถึงพัฒนาต่อยอดไปเรื่อยๆ ซึ่งเรื่องพวกนี้เป็นเรื่องของวิธีคิด ที่ต้องพัฒนาไปเรื่อยๆ ยิ่งพัฒนามากขึ้นเท่าไหร่ โอกาสรอด และทำกำไรในตลาดก็มากขึ้นเท่านั้น

เอาละครับ ทีนี้ตัดภาพกลับไปยังเทรดเดอร์ผู้แสวงหาความรวยในตลาด หรือคนที่แพ้ซ้ำซากเพราะไม่มีการทบทวน ที่เข้ามาเพราะความโลภมันกวักมือเรียกจากประสบการณ์การแบ่งปันความรู้ของผม คนกลุ่มนี้มักจะ เห็นความรู้เป็นยาขม และเห็นชื่อหุ้นเป็นขนมหวาน คำถามที่คนเหล่านี้จะถามประจำคือ “ตัวนี้ซื้อได้ยัง” “ขายตรงไหน” “รับได้เลยมั้ย” ไม่สนใจความรู้ หรือคอยแต่จะหาเทพ หาเซียน แล้วติดตามว่าเขาจะพูดถึงหุ้นตัวไหน ใบ้หุ้นอะไร ประหนึ่งตามหาอาจารย์ใบ้หวย และพร้อมที่จะอัดไม่ยั้งเมื่อได้ยินชื่อหุ้น สุดท้ายดอย  ไม่หาเงินมาเติมพอร์ท ก็หันหลังให้กับตลาดไปในที่สุด

สิ่งที่เราเห็นจากคนกลุ่มนี้คือ การเล่นหุ้นของพวกเขานั้น คอยมองแต่โอกาสกำไร แต่ไม่เผื่อใจสำหรับโอกาสขาดทุน ซึ่งแท้จริงแล้ว หุ้นคือสินทรัพย์เสี่ยง หากเราไม่พิจารณาถึงความเสี่ยงแล้วกระโจนเข้าไปเลย นั่นคือเรากำลังเสี่ยงสุดๆ

เอาละครับ ทีนี้ลองมาตอบคำถามผม ที่จั่วหัวไว้ ทำไมหนู ถึงติดกับดัก? ก็เพราะมันมองแต่เนยแข็งก้อนใหญ่ที่อยู่ตรงหน้า โดยไม่คิดถึงกับดักเช่นกัน เมื่อเรากำลังโลภ ตาเราจะมืดบอด มองไม่เห็นกับดักของความโลภนั้นเลย ลองนำคำถามนี้ไปถามตัวเราซ้ำๆ เมื่อเวลาที่เรารู้สึกว่าเรากำลังจะรวย เราจะเปลี่ยนหลักตามเทพตามเซียน หรือเจอ “เงินง่าย”นะครับ ทำไมหนูถึงติดกับดัก?


อดีตผู้บริหารไอที ที่ผันตัวมาเป็น Full-Time Trader ตามความฝันของตัวเอง บนแนวทางของ Technical Analysis ผู้ก่อตั้งกลุ่มเทรดเดอร์ "ลั้ลลา ปาจิงโกะ" กลุ่มเทคนิคอลเทรดเดอร์ คนรุ่นใหม่ พร้อมทั้งยังแบ่งปันความรู้ความเข้าใจด้านกราฟเทคนิคให้กับนักลงทุนกลุ่มต่างๆ ด้วยภาษาที่ไม่ซับซ้อนและเข้าใจง่าย จนได้ชื่อว่า "โค้ชพี่ป๊อบ"

Facebook

บทความอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง