นักลงทุนผู้ยิ่งใหญ่ของโลกที่มีชื่อติดเคียงข้างอยู่กับวอเร็น บัฟเฟตต์ คงเป็นใครไปไม่ได้นอกจากปีเตอร์ ลินซ์ ผู้บริหารกองทุนฟิเดลลิตี้ แมกเจลแลน ฟันด์ ที่ตอนนี้ได้กลายเป็นตำนานเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ปัจจุบัน ปีเตอร์ ลินซ์ ใช้ชีวิตเกษียณตัวเองพร้อมกับครอบครัว และยังคงเป็นผู้จัดการกองทุนอยู่ โดยบริหารเงินให้กับองค์กรการกุศลโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย รวมถึงมูลนิธิ Lynch Foundation - มอบทุนการศึกษาให้เด็กที่ยากไร้ให้มีโอกาสได้เรียนต่อระดับ High School และมหาวิทยาลัย
ในบางครั้งเขายังเดินสายพูดบรรยายให้กับนักเรียนเด็กรุ่นใหม่ตามมหาวิทยาลัยต่างๆ แต่ไม่บ่อยนัก ส่วนใหญ่แล้วเขาจะพูดให้กับโรงเรียน Saint Charles Preparatory School เรื่องเกี่ยวกับการลงทุนตั้งแต่อายุยังน้อยมีประโยชน์อย่างไรในอนาคต ....
และนี้เป็นคำแนะนำ 9 ข้อ ที่เด็กรุ่นใหม่ควรฟังจากประสบการณ์ของปีเตอร์ ลินซ์
1. "เงิน" คือปัจจัยที่ขาดไม่ได้ในชีวิต
ลินซ์กล่าวไว้ว่า ต่อไปพวกเธอจะกลายเป็นผู้ใหญ และปัจจัยที่ขาดไม่ได้เลยนั้นคือ เงิน สำหรับคนที่จะใช้เงินในอีก 2-3 ปีข้างหน้า ไม่ว่าจะใช้เพื่อสร้างครอบครัวหรือเรียนต่อ ไม่ควรนำมันมาลงทุนในตลาดหุ้น
การลงทุนในตลาดหุ้นใช่ว่าลงทุนวันนี้แล้วพรุ่งนี้หรือปีหน้าจะได้กำไรเลย ของแบบนี้มันต้องใช้ระยะเวลา
2. เราคาดเดาตลาดหุ้นระยะสั้นไม่ได้ ถ้าอย่างนั้นเราก็อย่าไปคาดเดามันเลย!
ลินซ์กล่าวไว้ว่า จากประสบการณ์ด้านการลงทุนในหุ้น ไม่มีใครคาดเดาตลาดหุ้นระยะสั้นได้เลยแม้แต่คนที่ถูกยกย่องว่าเป็นกูรู หรือพ่อมดตลาดหุ้นอะไรก็ตามแต่ บางคนก็ว่าหุ้นจะลง 10% ทุกๆ 18 เดือน และบางคนก็ย้ำอีกว่าหุ้นจะลงอย่างน้อย 25% ทุกๆ 6 เดือน ดังนั้นแล้ว ถ้าเราคาดเดาไม่ได้ เราก็อย่าไปคาดเดามันเลย เราควรจะมุ่งเน้นไปกับตัวหุ้นและธุรกิจที่เราเข้าใจมันจะดีกว่า
3. ถ้าผู้ลงทุนยังมึนงงกับการตกของตลาดหุ้น แสดงว่าพวกเขายังทำการบ้านไม่มากพอ
หุ้นที่ถืออยู่สามารถตกลงมาจากหลายๆ ปัจจัย เช่น ข่าวสาร จิตวิทยา หรือภาวะแตกตื่น แต่อาจไม่ได้เกี่ยวข้องกับพื้นฐานหุ้นก็ได้ คุณควรทำการบ้านให้มากพอ เพื่อคุณจะเข้าใจสาเหตุที่มากระทบหุ้นได้อย่างแท้จริง
4. ธรรมชาติของตลาดหุ้น มีขึ้น มีลง มีการปรับฐาน เราต้องอยู่กับมันให้ได้
โดยทั่วไป การตกของตลาดหุ้น 10% เราจะเรียกการตกครั้งนั้นว่า "การปรับฐาน" ซึ่งมันเป็นธรรมชาติของตลาดหุ้นอยู่แล้ว ไม่ว่าจะผ่านไปอีก 100 ปี การตกของหุ้น 10% ก็จะยังเป็นธรรมชาติของตลาดหุ้นต่อไป
เห็นไหมละ! มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะลงทุนในหุ้น และมันก็ไม่ใช่เรื่องยากที่จะร่ำรวยจากหุ้นเช่นเดียวกัน
5. หุ้นคือธุรกิจ
สิ่งสำคัญที่เด็กรุ่นใหม่ต้องรู้ คือ การวางแผนทางการเงินตั้งแต่อายุยังน้อย
หุ้นทุกตัว มีธุรกิจผูกติดอยู่กับมัน ถ้าธุรกิจดี หุ้นก็จะดีด้วย จงเรียนรู้เรื่องราวของธุรกิจ
6. หุ้นที่ปีเตอร์ ลินซ์ บอกว่าดีในอดีต อาจจะไม่ดีในปัจจุบันรวมถึงอนาคต อย่ายึดติดกับหุ้นที่เซียนแนะนำ
หุ้นตัวโปรดของลินซ์ คือหุ้น Nike ผู้ผลิตรองเท้าที่มีคนใช้ไปทั่วโลก หรือหุ้นค้าปลีกอย่าง WalMart แต่ในอีก 5 ปีข้างหน้า บริษัทเหล่านี้จะยังดีอยู่หรือไม่ .. ไม่มีใครรู้ อาจจะมีอะไรใหม่ๆมาทดแทนสิ่งเหล่านี้เหมือนอย่างที่ Amazon ทำกับWalMart และ Toy R Us หรือโทรศัพท์ Apple ทำกับ Nokia เป็นต้น
สถานการณ์จะเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ แต่ที่แน่ๆถ้าเราจะลงทุนในหุ้นสักตัว เราต้องอธิบายมันออกเป็นภาพง่ายๆที่แม้แต่เด็กก็ยังเข้าใจ
7. หุ้นตก คือโอกาส
การตกอย่างหนักของตลาดหุ้น อาจจะทำให้พวกเรากังวลใจ แต่เราต้องมองมันเป็นโอกาสในการเก็บหุ้นที่ดี ในราคาถูก
8. การกู้เงินมาซื้อบ้านเป็นเรื่องใหญ่ มันอาจจะทำให้เธอบินไม่ได้ตลอดชีวิต !!
เด็กที่จะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ในวันข้างหน้า จะคิดถึงเรื่องการซื้อบ้านเพื่อสร้างครอบครัว มีภรรยา และมีบุตร การซื้อบ้านในอเมริกาเป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่สำหรับเด็กอย่างพวกเธอ มันมีราคาแพงและไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะซื้อมัน การกู้เงินมาซื้ออาจจะทำให้เธอไม่สามารถหาความก้าวหน้าได้ในอนาคตเพราะจะต้องหาเงินมาผ่อนบ้าน
อย่างไรก็ตาม บ้านก็ถือว่าเป็นปัจจัย 4 ของมนุษย์ ทำไมพวกเราไม่ใช้ประโยชน์จากตรงนี้ ซื้อหุ้นที่ทำเกี่ยวกับบ้านละ คนอาจจะซื้อบ้านเพียง 1 ครั้งในชีวิต แต่พวกเขาจะไม่หยุดที่จะซ่อมแซมบ้าน แต่งบ้าน แต่งครัว หรือทำห้องน้ำใหม่
9. ต้องมีสติอยู่เสมอในตลาดหุ้น
ลินซ์ถามเด็กๆว่า หุ้นตกหนักครั้งล่าสุด พวกเธอทำอะไรเมื่อเห็นหุ้นลง ... ขายหรือว่าซื้อ
พวกเธอต้องตระหนักอยู่เสมอว่า พวกเธอกำลังทำอะไร และซื้อมันไปทำไม เหมือนที่ฉันทำเมื่อ 15 ปีที่แล้ว
ทั้งหมดนี้ก็เป็นข้อคิดสั้นๆ จากปรมาจารย์การลงทุนอีกคนหนึ่งของโลก ปู่ลินซ์ ส่งต่อสู่เด็กรุ่นใหม่ หวังว่าจะนำไปปรับใช้ด้านการลงทุนกันครับ
------------------------------------------
สรุปโดย SiTh LoRd PaCk / Freedom Vi