TCAP เริ่ด! สวนกระแส จ่ายปันผลให้ผู้ถือหุ้นเพิ่มอีกต่อเนื่อง
TCAP โชว์ผลประกอบการไตรมาสแรกปี 2561 กำไร 1,899 ล้านบาท เพิ่ม 18.54% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ขออนุมัติที่ประชุมผู้ถือหุ้นจ่ายปันผล 2.20 บาท/หุ้น เพิ่มจากปี 2559 ที่จ่าย 2.00 บาท/หุ้น
บริษัท ทุนธนชาต จำกัด (มหาชน) (TCAP) เปิดเผยว่า ในไตรมาส 1 ปี 2561 บริษัทและบริษัทย่อย มีกำไรสุทธิตามงบการเงินรวมจำนวน 3,913 ล้านบาท โดยเป็นกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของบริษัทฯ มีจำนวน 1,899 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 297 ล้านบาท หรือร้อยละ 18.54 จากไตรมาสเดียวกันปีก่อน เป็นผลมาจากความสำเร็จในการดำเนินกลยุทธ์ของธนาคารธนชาต โดยยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง (Customer Centric) ที่มุ่งเน้นในการเป็นธนาคารหลัก (Main Bank) เป็นผลให้ ธนาคารธนชาตและบริษัทย่อย มีผลการดำเนินงานที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องและเป็นการเติบโตติดต่อกัน 13 ไตรมาส
ฐานรายได้รวมของบริษัทฯและบริษัทย่อย ปรับตัวเพิ่มขึ้น ทั้งรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ และรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ย โดยรายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้น ร้อยละ 5.21 จากปริมาณสินเชื่อที่เพิ่มขึ้น และรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นร้อยละ 22.86 จากกำไรสุทธิจากเงินลงทุนและรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิ ประกอบกับค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานปรับลดลงเล็กน้อย ส่งผลให้กำไรจากการดำเนินงานก่อนการตั้งสำรอง (PPOP) เพิ่มขึ้นร้อยละ 23.29 ในขณะที่ค่าใช้จ่ายหนี้สูญ หนี้สงสัยจะสูญปรับเพิ่มขึ้น ร้อยละ 67.96 จากการขยายตัวของปริมาณเงินให้สินเชื่อ
สินทรัพย์รวมของกลุ่มธนชาตปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากสิ้นปีที่ผ่านมา สอดคล้องไปกับการขยายตัวของสินเชื่อ ซึ่งเป็นการเติบโตของสินเชื่อรายย่อย และสินเชื่อ SME โดยเฉพาะอย่างยิ่งสินเชื่อเช่าซื้อที่เติบโตได้ดีอย่างต่อเนื่อง มีอัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพ (NPL Ratio) อยู่ที่ร้อยละ 2.48 ขณะที่ อัตราส่วนค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญทั้งหมดต่อเงินให้สินเชื่อด้อยคุณภาพ (Coverage Ratio) อยู่ที่ร้อยละ 127.47 สำหรับอัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงของธนาคารเท่ากับร้อยละ 18.80 ลดลงเล็กน้อยจากสิ้นปี 2560 ที่ร้อยละ 18.94
โดยมีอัตราผลตอบแทนต่อสินทรัพย์รวมเฉลี่ย (ROAA) และอัตราผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้นของบริษัทฯเฉลี่ย (ROAE) อยู่ที่ร้อยละ 1.53 และ 12.06 ตามลำดับ นอกจากธุรกิจธนาคารที่เติบโตแล้ว TCAP ยังมีธุรกิจบริหารสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ ซึ่ง Active เพิ่มขึ้น ล่าสุดได้ซื้อสินทรัพย์ด้อยคุณภาพจากสถาบันการเงินอื่นเข้ามาบริหารเพิ่มเติม
จากฐานะการเงินที่มั่นคงปีนี้จึงขออนุมัติในที่ประชุมผู้ถือหุ้นให้อนุมัติการจ่ายเงินปันผลสำหรับผลการดำเนินงานปี 2560 เป็นเงิน 2.20 บาทต่อหุ้น โดยแบ่งเป็นเงินปันผลระหว่างกาล 0.90 บาทต่อหุ้น ซึ่งอนุมัติจ่ายไปแล้วเมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2560 และคงเหลืออีก 1.30 บาทต่อหุ้นที่จะอนุมัติจ่าย ซึ่งเงินปันผลในปีนี้ จะรวมเป็นจำนวน 2.20 บาทต่อหุ้น เพิ่มจากปี 2559 ที่จ่าย 2.00 บาทต่อหุ้น