#มือใหม่เริ่มลงทุน

ไขรหัส FACTSHEET ความมหัศจรรย์ในการคัดกรองหุ้น (ตอนที่ 1)

โดย stock2morrow
เผยแพร่:
116 views

ความมหัศจรรย์ของ FACTSHEET ในการคัดกรองหุ้น 

Factsheet (สรุปข้อสนเทศบริษัทจดทะเบียน) เป็นสิ่งแรกๆ ที่ผมมักจะดู หลังจากหัวข้อ "งบการเงินและผลประกอบการ" ในการใช้ช่วยคัดกรองหุ้นที่จะเข้าไปลงทุน สิ่งที่กำลังจะเขียนต่อไปนี้เป็นสิ่งที่ผมพยายามรวบรวมตลอดเส้นทางการลงทุนของผม และอยากแบ่งปันสิ่งที่ผมได้เรียนรู้ให้กับเพื่อนๆ นักลงทุนได้อ่านกันครับ

หัวข้อที่ผมจะประเมินเวลาอ่าน factsheet

(1.) โครงสร้างทางการเงิน

(2.) กิจกรรมการดำเนินงาน

(3.) ประสิทธิภาพการบริหารจัดการ

(4.) กระแสเงินสดของบริษัท

(5.) ความสามารถในการทำกำไร

(1.) โครงสร้างทางการเงิน

สิ่งแรกที่ผมจะดูเป็นอย่างแรกเลยคือ "หนี้สิน" ครับ แม้ว่าถ้าบริษัทจะดูดีแค่ไหน แต่ถ้าหนี้ท่วม สภาพคล่องไม่มี ผมขอบายครับ ผมชอบ D/E ratio < 1 แต่ถ้ามากกว่า 1-1.5 ต้องมาประเมินต่อในเรื่องของความสามารถในการชำระหนี้ระยะสั้น โดยดูจาก current ratio (หรือบางท่านอาจใช้ quick ratio) ยิ่งมากยิ่งดี และสภาพคล่องของบริษัท โดยดูจาก CFO ควรมีค่า (+) มากๆ ยิ่งดี 

หมายเหตุ : การที่บริษัทมี D/E ratio สูงไม่ได้หมายความว่ามีความเสี่ยงสูงเสมอไป ต้องมาดูคุณภาพของหนี้ (debt) ด้วย เช่น หนี้ที่เกิดขึ้นอาจเป็นเจ้าหนี้การค้า (ในกรณีได้ credit term นานๆ) กลับกลายเป็นสิ่งดี หรือในบาง sector เช่นกลุ่มธนาคารหรือสถาบันการเงิน ลูกค้าเงินฝากจะมีสถานะเป็น "เจ้าหนี้" กลายเป็นว่าธนาคารไหนมีหนี้เยอะ อาจแปลว่าธุรกิจกำลังไปได้สวยก็เป็นได้

นอกจากนี้ การประเมินหนี้นั้นควรจะเข้าไปดูในส่วนของไส้ในด้วย เปรียบเทียบบริษัทที่มี D/E ratio เท่ากัน บริษัทที่หนี้มีดอกเบี้ยจ่ายสูงกว่าย่อมมีความเสี่ยงมากกว่า ซึ่งตรงนี้ลำพังข้อมูลใน factsheet ไม่สามารถบอกได้

(2.) กิจกรรมการดำเนินงาน

ผมมักจะแบ่งย่อยออกเป็น 3 ส่วนครับ

(2.1) Current assets (และ current liabilities) ควรจะสอดคล้องไปกับยอดขาย (sales) โดยหากบริษัทมีการเติบโต มียอดขายเพิ่มขึ้นแล้ว เจ้าหนี้การค้า ลูกหนี้การค้า และสินค้าคงเหลือ ก็ควรจะเพิ่มขึ้นในสัดส่วนที่ใกล้เคียงกัน (ดูความสอดคล้อง และความไม่สอดคล้องกันของข้อมูล)

(2.2) Non-current assets (ใน factsheet หาได้จากการนำ total assets ลบด้วย current assets) โดยหากบริษัทมีการขยายธุรกิจ มี non-current assets เพิ่มขึ้น non-current liabilities ก็ควรจะเพิ่มขึ้นด้วย (ในกรณีที่ไปกู้มา) ถ้าหากไปกู้เป็น current liabilities มาลง non-current assets อย่างนี้ถือว่าใช้เงินผิดวัตถุประสงค์ (หลายๆ ท่านน่าจะจำได้จากวิกฤติต้มยำกุ้งปี 2540)

(2.3) Retained earnings ควรจะเพิ่มขึ้นทุกปี (หากบริษัทมีการเติบโต) และ retained earnings ที่เพิ่มขึ้นได้สะท้อนไปยังส่วนควรผู้ถือหุ้น (shareholder's equity) ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องหรือไม่ หากที่ผ่านมาทำกำไรโตขึ้นตลอด แต่อยู่ๆ retained earnings กลับลง ควรต้องมาหาสาเหตุครับว่านำเงินไปใช้ทำอะไร

 

(3.) ประสิทธิภาพการบริหารจัดการ

(3.1) ROA ผมชอบเห็นอย่างน้อยๆ 10% สม่ำเสมอ ไม่ผันผวน ค่อยๆ โตขึ้นเรื่อยๆ ตามการเติบโตของบริษัท (ทั้งนี้ขึ้นกับลักษณะของบริษัทด้วย เช่นกลุ่มสถาบันการเงิน มักจะไม่สามารถทำ ROA ได้สูงๆ เหมือน real sector ได้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าบริษัทไม่ดี เป็นต้น)

(3.2) ROE ผมชอบอย่างน้อย 15% และเช่นเดียวกับ ROA ครับ สม่ำเสมอ ไม่ผันผวน ค่อยๆ โตขึ้นเรื่อยๆ ตามการเติบโตของบริษัท (ข้อควรระวังของการใช้ ROE ได้กล่าวไว้ก่อนหน้านี้ครับ)


บทความต่อไป เราจะไปเจาะลึกการอ่าน FACTSHEET ข้อที่ (4) กระแสเงินสดของบริษัท และ (5) ความสามารถในการทำกำไร ซึ่งทั้ง 2 ข้อนี้ถือว่ามีส่วนสำคัญต่อการตัดสินใจการลงทุนอย่างมาก โปรดติดตาม 


(source: https://aecbusiness.com/using-four-metrics-to-analyze-performance-of-a-professional-services-firm

บทความจากโครงการ Stock Writer เขียนโดย  Invisible 
 


ศูนย์รวมความรู้เรื่องหุ้น ศูนย์รวมนักลงทุนรายย่อย ที่อยากรู้วิธีการลงทุนในหุ้นอย่างถูกต้องและได้กำไรอย่างยั่งยืน ติดตามเราได้ที่

www.stock2morrow.com 

FB: stock2morrow 

LINE@stock2morrow

FacebookInstagramYoutubeLine

บทความอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง