จากข้อมูลการยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล (ไฟลิ่ง) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ของ บมจ.โอสถสภา เปิดเผยว่า โอสถสภาจะเสนอขายหุ้นสามัญแก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวนไม่เกิน 603.75 ล้านหุ้น โดยประกอบด้วย หุ้นสามัญเพิ่มทุนที่เสนอขายโดยบริษัทจำนวนไม่เกิน 506,750,000 หุ้น และหุ้นสามัญเดิมที่เสนอขายโดย Orizon Limited จำนวนไม่เกิน 67,000,000 หุ้น

                รวมถึงหุ้นสามัญเดิมที่เสนอขายโดย Y Investment Ltd จำนวนไม่เกิน 30,000,000 หุ้น รวมทั้งหมดคิดเป็นสัดส่วนไม่เกิน 20.10% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทภายหลังการออกและเสนอขายหุ้น IPO โดยมี บล.ภัทร และ บล.บัวหลวง เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน

                ทั้งนี้ บริษัทจะขอเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) โดยมีวัตถุประสงค์ใช้เงินที่ได้จากการระดมทุนเพื่อเป็นเงินทุนสำหรับการขยายธุรกิจทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมถึงการพัฒนาปรับปรุงการผลิต การจัดจำหน่ายสินค้า ประสิทธิภาพสินค้าและการดำเนินธุรกิจภายในของบริษัท นอกจากนั้น ยังจะใช้ชำระคืนเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินงาน

                โอสถสภา จดทะเบียนจัดตั้งขึ้นในประเทศไทยและประกอบธุรกิจสินค้าอุปโภคบริโภค โดยเน้นทางด้านผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มที่ไม่ผสมแอลกอฮอล์และผลิตภัณฑ์ของใช้ส่วนบุคคลบางชนิด เป็นหนึ่งในผู้ผลิต ผู้ทำการตลาด และผู้จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มที่ไม่ผสมแอลกอฮอล์และผลิตภัณฑ์สำหรับเด็กในประเทศไทย และประเทศต่างๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งเป็นตลาดต่างประเทศหลักของบริษัท ได้แก่ เมียนมาร์ กัมพูชา และลาว และยังจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มในประเทศต่างๆ ทั่วโลกรวม 25 ประเทศผ่านผู้จัดจำหน่าย

นอกจากนี้ บริษัทยังประกอบธุรกิจให้บริการอื่น ๆ เช่น บริการบริหารจัดการด้านซัพพลายเชน ซึ่งครอบคลุมถึงการผลิตผลิตภัณฑ์เครื่องดื่ม ขวดแก้ว และผลิตภัณฑ์ของใช้ส่วนบุคคลบางชนิดผ่านกิจการร่วมค้าและการบริการผลิตสินค้า (Original Equipment Manufacturer:OEM) และการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ภายใต้สัญญากิจการร่วมค้าด้วย

โดยมีฐานการประกอบธุรกิจอยู่ในประเทศไทย และมีการประกอบธุรกิจที่แข็งแกร่งในเมียนมาร์ กัมพูชา และลาว ซึ่งเป็นตลาดต่างประเทศหลักของบริษัทฯ ทั้งนี้ ด้วยประวัติความเป็นมาที่ยาวนานกว่า 125 ปี

บริษัทมีวิสัยทัศน์ที่จะรักษาและเสริมสร้างความแข็งแกร่งในฐานะบริษัทผู้ประกอบธุรกิจสินค้าอุปโภคบริโภคชั้นนำที่มีประสิทธิภาพ และมีการใช้นวัตกรรมที่ทันสมัยในประเทศไทยและตลาดต่างประเทศหลักของบริษัทในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พร้อมด้วยวัฒนธรรมองค์กรที่มุ่งเน้นการทำงานเป็นทีม มีคุณภาพและยึดหลักธรรมาภิบาลในการประกอบธุรกิจ ภายใต้พันธกิจของบริษัท คือ การสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ด้วยนวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อเสริมสร้างคุณภาพชีวิตให้กับผู้บริโภค

สำหรับปี 2558 2559 และ 2560 บริษัทมีรายได้ทั้งหมดเท่ากับ 32,044.2 ล้านบาท 33,003.7 ล้านบาท และ 26,210.7 ล้านบาท ตามลำดับ และมีกำไรสำหรับปีดังกล่าวเท่ากับ 2,336.0 ล้านบาท 2,980.5 ล้านบาท และ 2,939.2 ล้านบาท ตามลำดับ

โดยรายได้จากการขายของบริษัท สำหรับปี 2558 2559 และ 2560 คิดเป็นร้อยละ 95.4 ร้อยละ 94.9 และร้อยละ 95.5 ของรายได้ทั้งหมดของบริษัทตามลำดับ
------------------

ที่มา : moneyandbanking