ผมเคยได้ยินนักลงทุนอายุ 70 ท่านหนึ่ง เล่าให้ฟังว่า รายได้จากการทำงานของท่านตอนนี้คือ 10% ต่อ 90% คือ รายได้จากการ “ลงแรง” 10% และ รายได้จากการ”ลงทุน” 90%
และท่านคิดว่าผู้สูงวัยไทยควรมีรายได้จากการลงทุน และหากทำแบบนี้กันได้เยอะๆ จะดีต่อประเทศชาติมาก ทีนี้ผมลองมาถอดรหัสคำพูดท่านดู ว่าการที่คนเรา จะมีรายได้จากการลงทุนซึ่งเป็นเงินไหล เป็นรายได้ที่ไม่ต้องออกแรงทำงาน คนผู้นั้นต้องก่อกรรมดี สะสมบุญบารมีอะไรมาบ้าง หากอยู่เฉยๆทำงานไปเรื่อยๆ มันจะมาเองมั๊ย?
คำตอบคือ “ไม่ได้”เพราะการที่มนุษย์คนหนึ่งจะมีรายได้จากการลงทุน ก็เฉกเช่น การปลูกไม้ยืนต้น ถ้าไม่เริ่มปลูกแต่เนิ่นๆ พอแก่ตัวลง จะเอาต้นไม้ใหญ่ที่ไหนพักพิง การลงทุนก็เช่นกัน มันต้องเกิดการ “ทยอยลงทุนระยะยาว”มาตั้งแต่วัยเริ่มทำงาน จนกระทั่งถึงวัยเกษียณ
การลงทุนระยะยาวที่ว่า ไม่ได้จำกัดว่าต้องเป็นหุ้นอย่างเดียว แต่มันมีเครื่องมือการลงทุนหลากหลายชนิด ให้มนุษย์เงินเดือน คนทำธุรกิจ สามารถลงทุนไป บริหารภาษีไปด้วยพร้อมกัน เช่น
กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ(เอกชน)หรือ กบข.(ราชการ) ผมถือว่า..กองทุนนี้เป็นกองทุนต้องห้ามพลาด นี่เป็นการลงทุนที่ไร้พ่าย มีแต่ประตูชนะลูกเดียว เพราะมนุษย์เงินเดือนสามารถลงทุนทุกเดือน และนายจ้างก็จะสมทบให้ในจำนวนที่เท่ากันด้วย เช่น เราใส่ 5% นายจ้างเติมให้(ฟรี) 5% ลงทุนไปเรื่อยๆ พอเกษียณก็รับทั้งหมดไปเลยอ้อ! ความสุดยอดอีกอย่างคือ เงินลงทุนในกองทุนสำรองเลี้ยงชีพสามารถหักลดหย่อนภาษีได้อีกด้วย ดีไร้ที่ติจริงๆ
กองทุน LTF เป็นกองทุนรวมหุ้นระยะยาว ซื้อลงทุนแล้วลดหย่อนภาษีได้ ลงทุนได้สูงสุด 15% ของรายได้ หรือไม่เกิน 500,000 บาท และถือครองนาน 7 ปีปฏิทิน ซึ่งเป็นการเพิ่มระยะเวลาการถือครองให้นานขึ้น(จากเดิม 5 ปีปฏิทิน) ซึ่งผมคิดว่า การเพิ่มเวลาการถือ จะยิ่งส่งผลดีต่อทั้งนักลงทุนและตลาดหุ้นไทยในระยะยาว เพราะเงินลงทุนอยู่นานขึ้น ระยะยาวมากขึ้น ผลตอบแทนก็จะยิ่งมีความแน่นอนมากขึ้น อีกทั้งยังช่วยให้ตลาดหุ้นไทยมีเสถียรภาพมากขึ้นอีกด้วย
กองทุน RMF หรือ กองทุนรวมเพื่อการเกษียณอายุ ซื้อลงทุนแล้วลดหย่อนภาษีได้ ลงทุนได้สูงสุด 15% ของรายได้ หรือไม่เกิน 500,000 บาท (เมื่อคำนวณรวมกับกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ) ถือครองถึงอายุ 55 ปี และไม่ต่ำกว่า 5 ปี นี่จึงเป็นกองทุนกึ่งบังคับตัวเองของผู้ลงทุน เพราะต้องลงทุนนาน ถึงอายุ 55 ปี แต่ท่านเชื่อหรือไม่ครับ ว่ารูปแบบนี้แหละที่เป็นประโยชน์ต่อการเกษียณอายุอย่างแท้จริงเพราะเป็นกึ่งบังคับอยู่ยาวอีกทั้งนักลงทุนยังมีทางเลือก เพราะมีสินทรัพย์ให้เลือกหลากหลาย ทั้ง พันธบัตร ตราสารหนี้ หุ้นไทย หุ้นต่างประเทศอสังหาฯ และ ทองคำ ซึ่งนักลงทุนสามารถสับเปลี่ยนกองได้ เพื่อประโยชน์สูงสุด เหมือนเราเป็นผู้จัดการกองทุนชีวิตตัวเอง
ประกันชีวิตในส่วนนี้เป็นเรื่องความ “มั่นคง” เพราะชีวิตเป็นเรื่องของการดีลกับความไม่แน่นอน รัฐบาลก็สนับสนุนให้คนในชาติทำประกันชีวิตเพื่อดูแลตัวท่านเอง โดยลดหย่อนภาษีได้ถึงปีละ 100,000 บาท และยังมีประกันชีวิตแบบบำนาญลดหย่อนภาษีได้อีก 2000,000 บาท
การลงทุนทั้ง 4 อย่างที่ว่ามา เป็นการลงทุนไปด้วยบริหารภาษีไปด้วย เพราะเม็ดเงินที่ท่านผู้อ่านนำไปลงทุน จะช่วยลดหย่อนภาษีได้ทั้งสิ้น หากยังมีกำลังเหลือ ผมขอแนะนำให้มี“พอร์ทออมในหุ้น” ซึ่งก็คือการแปลงการออมเงินสด ให้เป็นการทยอยสะสมออมหุ้นพื้นฐานดี เพิ่มเป็นสมบัติแห่งความภาคภูมิใจไว้อีกหนึ่งอย่าง
เรื่องการออมลงทุนนี้ เป็นกฎแห่งกรรมโดยแท้จริงเราหว่านพืชสิ่งใด ได้ผลสิ่งนั้น หว่านไว้มากๆ ก็จะรวยตอนเกษียณมากๆ นะครับ
--------------------------------------
สนใจอ่านหนังสือเพิ่มเติมของคุณนิ้วโป้ง Fundamental VI
ชื่อหนังสือ :100 คำตอบต้องรู้ดูหุ้นพื้นฐาน (FUNDAMENTAL)
https://www.stock2morrow.com/publishing/bookdetail.php?id=62