#ลงทุนแนวปัจจัยพื้นฐาน

เลิกตัดสินใจซื้อกองทุน โดยดูราคา NAV ได้แล้ว

โดย รุ่งโรจน์ แก้วกาญจนา
เผยแพร่:
131 views

อยากซื้อกองทุนที่เปิดใหม่ เพราะราคา NAV แค่ 10 บาท … มันถูกดี

กองทุนอันนี้ไม่กล้าซื้อ เพราะราคามันแพงมากๆ …

กองทุนนี้ราคาขึ้นมาเยอะแล้ว อยากขายแล้ว มันแพงเกินไปแล้ว …

ซื้อกองทุนอันนี้ดีกว่าเพราะราคา ถูกได้หน่วยเยอะดี …

เชื่อหรือไม่ว่าทั้งหมดนี้คือความเชื่อที่ผิดทั้งหมด ???

ในคลาสสอนเรื่องกองทุนรวม คลาสหนึ่งผมสอนมาถึงเนื้อหาที่เกี่ยวกับคัดการเลือกกองทุนรวม ผมบอกกับทุกคนว่า เชื่อหรือไม่ว่า หลายปีมานี้ในตอนคัดเลือกกองทุนรวม ผมไม่เคยดูราคา กองทุนเลย และคุณทุกๆคนในที่นี้ก็ควรเลิก เลือกซื้อกองทุน โดยเปรียบเทียบราคากองทุนรวมได้แล้ว

ผู้เรียนคนหนึ่งรีบแย้ง ขึ้นมาเลยว่าอันนี้ไม่เชื่อ ผมเลยต้องค่อยๆ อธิบายให้ฟังว่า การลงทุนในกองทุนรวม ไม่ได้แปลว่าว่าคุณกำลังซื้อสิ้นค้าที่แปลว่า ถ้าคุณซื้อที่ราคาถูกแล้วได้จำนวนสิ้นค้าเยอะที่สุดแล้วจะคุ้มค่าที่สุด แต่จริงๆแล้วการซื้อกองทุนรวม คือการที่คุณกำลังซื้อความสามารถของผู้จัดการกองทุนรวม เพื่อบริหารเงินให้คุณ แต่เมื่อคุณซื้อความสามารถคุณก็ต้องมีตัววัดว่า เขามีความสามารถดีแค่ไหน

ราคากองทุนรวมเป็นเพียงเครื่องมือในการวัดความสามารถของผู้จัดการกองทุนว่า เขาสามารถทำให้มูลค่าของเงินในวันที่คุณเริ่มต้นลงทุน เติบโตไปได้แค่ไหน ตัวอย่างเช่น ถ้าคุณซื้อกองทุนที่ราคา 100 บาท ถ้าผู้จัดการกองทุนที่คุณเลือกเก่ง เขาเลือกหุ้นที่ดีมาอยู่ในกองทุน พอระยะเวลาผ่านไป 1 ปี มูลค่าของหุ้นที่เลือกมานั้นเติบโต 100% ราคาของกองทุน ก็จะเปลี่ยนจาก 100 บาท ไปเป็น 200 บาท มูลค่าเงินของเราก็จะเพิ่มขึ้น 100% ซึ่งไม่เกี่ยวเลยว่า คุณจะได้จำนวนหน่วยลงทุนกี่หน่วย

. . . ในทางกลับกัน …

ถ้าผู้จัดการกองทุนที่เราเลือกไม่เก่ง เราเริ่มต้นซื้อกองทุนที่ราคา 5 บาท ผ่านไป 1 ปี มูลค่าของหุ้นที่ซื้อมาอยู่ในกองทุน ลดลง 50% ราคาของกองทุนก็จะเปลี่ยนเป็น 2.5 บาท มูลค่าเงินลงทุนของเราก็จะลดลง 50%

เมื่ออ่านมาถึงตรงนี้หลายคนอาจมีคำถามว่า ถ้าไม่เลือกด้วยราคาแล้วต้องเลือกด้วยอะไร ???

ก็ถ้าคุณจะซื้อความสามารถของคนหนึ่งคน คุณก็ต้องดูว่าเขาเก่งไหมปัจจุบันมีเครื่องมือวัดความสามารถผู้จัดการกองทุนรวมที่เป็นมาตรฐานสากลอยู่ 1 ตัว ชื่อว่า Morningstar Rating

วิธีทำงานของของ Morningstar Rating เหมือนวิธีการให้เกรด เหมือนตอนเราเรียนหนังสือ กองทุนประเภทเดียวกันจะถูกจัดมารวมกันแล้ว คนที่ทำผลงานได้ดีที่สุด 10% แรก จะได้ 5 ดาว หรือ เกรด A ส่วนคนที่ทำผลงานได้ดีรองมา 20% ถัดไปได้ 4 ดาว หรือ เกรด B ส่วนคนที่ทำผลงานได้ดีรองถัดไปอีก 40% ถัดไปได้ 3 ดาว หรือ เกรด C

ส่วนคนที่ทำผลงานได้ดีรองถัดไปอีก 20% ได้ 2 ดาว หรือ เกรด D ส่วนคนที่ได้ผลงานเป็น 10% สุดท้ายของกลุ่ม ได้ 1 ดาว หรือ เกรด F

จะเห็นได้ว่า แค่คุณ เลือก กองทุนที่ได้ 4-5 ดาวสม่ำเสมอ ก็แปลว่าคุณกำลังฝากเงินให้คนเก่งเป็นอันดับต้นๆคอยบริหารเงินให้คุณ

แต่จากประสบการณ์ที่ผ่านมา ผมอยากจะบอกทุกคนว่า แค่เลือกกองทุนที่ดี ก็ยังไม่สามารถทำให้ทุกคนประสบความสำเร็จในการลงทุนได้ ไม่เช่นกันนั้นทุกคนคงจะรวยกันไปหมดแล้วจริงไหมครับ

ส่วนทำอย่างไรถึงจะประสบความสำเร็จได้นั้น เดี๋ยวจะทยอยมาเล่าให้ทุกคนฟังนะครับ


อดีตผู้บริหารจากบริษัทหลักทรัพย์ โนมูระ พัฒนสิน
Executive Director and Co-Founder บริษัท Union Wealth 
Key Person ในการพัฒนาระบบ Nomura iFUND ที่รวมกองทุนจากทุก บลจ. ไว้ใน Platform เดียว
ผู้เชี่ยวชาญด้านกองทุนและการเงิน

Facebook

บทความอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง