1Q61 (ต.ค.-ธ.ค. 60) มีกำไรสุทธิ 6.2 พันล้านบาท ดีกว่าที่ตลาดคาดไว้ที่ 5.9 พันล้านบาท ราว 5%
นักวิเคราะห์ บล. ไอร่า มองว่า โดยผลประกอบการไตรมาสนี้เติบโต +67% QoQ และ +22% YoY ผลจาก จำนวนเที่ยวบินและผู้โดยสารที่เติบโตต่อเนื่อง โดยเพิ่มขึ้น 5% และ 13% YoY ตามลำดับ โดยภาพในระยะสั้นเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงคือปริมาณผู้โดยสารเติบโตในอัตราเร่งกว่าการเติบโตของเที่ยวบิน ซึ่งเกิดจากสายการบินที่ปรับตัวโดยนำเครื่องบินขนาดใหญ่ขึ้นมาบริการ เพื่อนำมาใช้รองรับดีมานด์ที่สูงขึ้น แต่จำนวน Slot เที่ยวบินจำกัด ทำให้รายได้รวมยังสามารถเติบโตได้น่าพอใจที่ +16% YoY มาอยู่ที 14.6 พันล้านบาท
ขณะที่ต้นทุนที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยในไตรมาสนี้ คือค่าเช่าราชพัสดุที่เพิ่มขึ้นถึง 74% YoY หรือราว 400 ล้านบาท มาอยู่ที่ราว 900 ล้านบาท จากข้อตกลงใหม่ในการเช่าแบบ ROA ที่เริ่มใน 2561 แต่โดยรวมแล้วต้นทุนดำเนินการยังเพิ่มขึ้นช้ากว่ารายได้ ทั้งนี้หากไม่นับรวมค่าเช่าราชพัสดุย้อนหลังซึ่งเป็นรายการ one-time จำนวน 1.4 พันล้านบาทใน 4Q60 (ก.ค.-ก.ย. 60) ในไตรมาสนี้ AOT จะมีกำไรเติบโตราว 22% QoQ
- แม้ทิศทางธุรกิจเป็นบวก แต่ราคาหุ้นที่ปรับตัวขึ้นมาตอบรับไปแล้ว ปรับคำแนะนำลงเป็น "ถือ" อิงมูลค่าเหมาะสมเดิมที่เราประเมินไว้ที่ 63.50 บาท ... แม้ว่าเราจะยังคงมุมมองต่อทิศทางธุรกิจของ AOT ในระยะยาวไม่ว่าจะเป็น
i) Upside จากการประมูลสัมปทานพื้นที่ Duty Free ฉบับใหม่ ที่น่าจะได้ข้อสรุปในปีนี้
ii) แผนการเข้ารับบริหารสนามบินภูมิภาคของกรมท่าอากาศยาน ที่จะช่วยลดความแออัดของสนามบินหลักของ AOT ได้ในระยะยาว
iii) Slot ที่เต็มกำลังการบริการ โดยเฉพาะช่วง Peak คาดว่าจะไม่เป็นอุปสรรคในการเติบโตอย่างน้อยก็ในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า (เราประเมินกำไรสุทธิช่วงปี 2561-62 เติบโตเฉลี่ยปีละ 16%) หลังจากสายการบินปรับตัวมาใช้เครื่องบินขนาดใหญ่มากขึ้น รวมถึงการใช้ประโยชน์จาก Slot ในช่วง Off-Peak ในช่วงหลังเพิ่มขึ้น และทั้งนี้มุมมองในเชิง Structural ของเรายังไม่เปลี่ยนแปลง
โดย AOT ยังคงเป็นหุ้นผูกขาด ที่อิงอยู่กับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ซึ่งมีแนวโน้มเติบโตในระยะยาว มีความยืดหยุ่นสูง แม้จะมีเหตุการณ์ไม่ปกติบ้างแต่จำนวนนักท่องเที่ยวกลับมาทำจุดสูงสุดใหม่ได้เสมอ อย่างไรก็ตามเรามองว่าหุ้นขาด Upside หลังราคาหุ้นสะท้อนปัจจัยบวกข้างต้นไปแล้ว ในรายงานฉบับนี้เราจึงปรับคำแนะนำเหลือ "ถือ" (เดิม ซื้อเมื่ออ่อนตัว) อิงมูลค่าเหมาะสมเดิมที่เราประเมินไว้ที่ 63.50 บาท (อิง EV/EBITDA ที่ 21x ซึ่งเป็นขอบบนของ Premium ที่ + 2SD)
ขอบคุณข้อมูลจาก : Aspen