เจาะโมเดลธุรกิจ MC ค้าปลีกแฟชั่นโลคอลแบรนด์ กับ ดร.วิศิษฐ์ องค์พิพัฒนกุล และดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร ในรายการ Business Model สรุปสาระสำคัญมาให้อ่านกัน

ลักษณะธุรกิจ

บริษัทดำเนินธุรกิจค้าปลีกเครื่องแต่งกายและไลฟ์สไตล์ ภายใต้เครื่องหมายการค้าของกลุ่มบริษัท และเครื่องหมายการค้าของบุคคลอื่น โดยมุ่งเน้นการเป็นผู้บริหารตราสินค้า บริหารการขายและการตลาด การออกแบบ จัดหาผลิตภัณฑ์ บริหารคลังสินค้าและการกระจายสินค้า

ส่วนที ดร.วิศิษฐ์ องค์พิพัฒนกุล วิเคราะห์ไว้ในรายการ

- ตัว MC มีธุรกิจ OEM คือรับจ้างผลิต และแบรนด์ตัวเอง "MC" คิดเป็น 74% ของรายได้

- มีช่องทาง 897 แห่ง เป็นช่องทางการขาย ทั้งโมเดิร์นเทรด เปิดร้านขายเอง

- ช่วงที่ผ่านมา รายได้จากต่างจังหวัดมากขึ้น จาก 53% เป้น 58% บ่งบอกว่าคนต่างจังหวัดชอบสินค้าของ MC มากกว่า

- รายได้โตปีละ 10% ส่วนกำไรโตปีละ 5-10% โดยเฉลี่ย

- พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงไปมาก เช่นซื้อของออนไลน์มากขึ้น แต่ที่ผ่านมา MC มีรายได้โตขึ้น บ่งบอกว่าบริษัทโตทันความเปลี่ยนแปลงของผู้บริโภค

- นักลงทุนที่สนใจ MC ต้องศึกษาในเรื่อง Same Store Sale growth ยอดขายเติบโตต่อสาขามากน้อยแค่ไหน แล้วก็ Gross Margin โตขึ้นหรือไม่

- Gross Margin อยู่ที่ 50% สูงมากเพราะเป็นสินค้าแบรนด์

- Net Margin ของบริษัทอยู่ที่ประมาณ 14-17% อยู่ในเกณฑ์พอรับได้ แต่การบริหารค่าใช้จ่ายยังมีปัญหาอยู่ ทำให้ Net Margin ลดลงมามาก

- MC ขยายธุรกิจไปยังเครื่องสำอางค์ด้วย แต่ต้องรอดูว่าจะเป็นอย่างไร

- การขยายธุรกิจไป CLMV เป็นเรื่องท้าทาย เพราะคนส่วนใหญ่เน้นในเรื่องราคาที่ไม่แพง ถ้า MC ขายราคาค่อนข้างสูงอาจจะเกิดปัญหาได้

- ธุรกิจมีค่าเสื่อมราคาน้อย 

- หนี้สินต่อทุนน้อยมาก 0.28 เท่า

- เป็นหุ้นปันผลเยอะ ประมาณ 5% 

- ผมมองว่าธุรกิจยีนส์ เป็นธุรกิจ Cash Cow อยู่แล้ว ขายได้เรื่อยๆ 

- P/BV อยู่ที่ 3 เท่า ROE 19 เท่า นั้นหมายความว่าอาจจะเป็น Fairly Value 

- ในมุมมองนักวิเคราะห์ การไปทำธุรกิจอื่นเม็ดเงินยังไม่สูงมาก บริษัทยังอาศัยธุรกิจเดิมในการหารายได้ ตอนนี้่รายได้ของบริษัทประมาณ 800 ล้าน ส่วนใหญ่มาจากการขายยีนส์ ดังนั้นจึงไม่ค่อยให้ปัจจัยบวกในธุรกิจใหม่

- ตอนนี้ MC คือหุ้นปันผล

ส่วนที ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร วิเคราะห์ไว้ในรายการ

- ธุรกิจของ MC เป็นธุรกิจค้าปลีกประเภทหนึ่ง แต่แฟชั่นมันเป็นเรื่องยุคสมัย แต่ยีนส์ก็มีจุดเด่นเพราะมันเป็นสินค้าที่อยู่มานานมากเมื่อเทียบกับแฟชั่นตัวอื่นๆ 

- ผมมองว่าธุรกิจยีนส์ มันไม่โตแล้วละ มีคู่แข่งมากแล้วคนก็ใส่กันเท่าเดิม คงจะไม่ใส่เพิ่ม

- การขยายไปต่างประเทศ ผมมองว่าเสี่ยงมากเพราะสินค้าของ MC มีแบรนด์ขายราคาสูง แต่ในขณะที่สินค้าไม่มียี่ห้อขายถูกกว่าครึ่ง คนก็จะหันไปซื้อตัวที่ถูกกว่า

- ยีนส์มีคู่แข่งมากมาย ทำให้ผมมองว่าแฟชั่นที่เป็นแบรนด์ไทย "เหนื่อยมาก" อย่างยูนิโคล่แบบนี้ เข้าไปในร้านมีเยอะมาก ถูกกว่า แฟชั่นกว่า 

- ขายออนไลน์ มันเป็นเทรนก็จริงนะ แต่ว่าคนขายกันเยอะมาก มันเลยกลายเป็นเราคือจุดเล็กๆที่อยู่ในนั้น อีกอย่างยีนส์ตัวหนึ่งมันใช้กันนาน บางทีใช้จนลืมกว่าจะซื้อตัวใหม่มาใส่

- ผมว่าทางผู้บริหารเขาก็รู้นะว่ายีนส์มันค่อนข้างอิ่มตัว โตยากมากๆแล้ว เลยหันไปทำธุรกิจอื่น เช่น เครื่องสำอางค์ เครื่องหนัง เข็มขัดอะไรแบบนั้น มันก็เลยไม่มีจุดแข็งในตัวสินค้าเลย อีกทั้งคู่แข่งก็มีมากด้วย

- คำถามใหญ่ คือ การทำรายได้มันก็ดี แต่ต่อไปคนอื่นๆกำลังจะรุกเข้ามาในสิ่งที่คุณทำอยู่ เราบอกเราไปต่างจังหวัด แต่ก็มีคนอื่นไปเหมือนกัน นี้ยังไม่นับช่องทางออนไลน์นะ 

- รายได้มีความเสถียร แต่ไม่โต 

- ปี 60 รายได้หายไปเยอะ ตรงนี้ต้องระวัง 

- ค่าเช่าเป็นรายจ่ายที่สูงมาก

- ถามว่าหุ้นตัวนี้เป็นหุ้นปันผลไหม เมื่อก่อนผมมองว่าปันผลดีนะ แต่ต่อจากนี้ต้องดูกันต่อไป ถ้าบริษัทเหนื่อยเพิ่มขึ้น รายได้หดตัวลงแบบนี้ ปันผลก็อาจจะน้อยลงได้ ต้องจับตาดูกันต่อไป

-------------------------------------------------

ขอบคุณแหล่งข้อมูล : รายการ Business Model รายการ Money Channel : เจาะโมเดลธุรกิจ MC ค้าปลีกแฟชั่นโลคอลแบรนด์

ดูฉบับเต็มได้ที่นี้เลยครับ