การลงทุนในตลาดหุ้น จะได้ยินกันบ่อยๆว่า เป็นอะไรที่มีความซับซ้อน ยุ่งยาก ไม่เข้าใจหุ้น ไม่เข้าใจการลงทุน ไม่เข้าใจกราฟ 

หรือยังขาดองค์ความรู้การลงทุน + ขาดประสบการณ์ความชำนาญการลงทุน + เทรดแบบไม่ดูกราฟไม่ดูแนวโน้มของตลาดหุ้นและหุ้นตัวที่คิดจะลงทุน 

สิ่งสำคัญถ้าคิดจะลงทุนในหุ้น ควรเริ่มต้นที่จะลงทุนในความรู้ก่อน ไม่ว่าจะเป็นการอ่านหนังสือ การเข้าฟังสัมมนา การดูคลิป VDO  หรือการอ่านบทความต่างๆ เพื่อเรียนรู้ เข้าใจแนวคิด พัฒนารากฐานความรู้ด้านการลงทุน เชื่อว่าจะช่วยให้การลงทุนของคุณประสบความสำเร็จได้มากยิ่งขึ้น 

ถ้าอยากเทรดหุ้นเก่ง ต้องทำอย่างไรดี (ตอนที่1) ? 

ขอนำแนวคิดดีๆ บางส่วน จากหนังสือใหม่ : 3 Pass Action ทางเลือกทำกำไร สายเทคนิค มาให้เพื่อนๆ นักลงทุนสายเทรดลองอ่านอินโฟง่ายๆ กันได้เลย...

หัวใจสำคัญของนักลงทุนที่จะประสบความสำเร็จได้ คือ ต้องทำการบ้านหุ้น ถ้าเป็นสาย VI ต้องศึกษาภาวะเศรษฐกิจ เข้าใจธุรกิจของหุ้นนั้นๆ แนวโน้มการเติบโต แกะงบการเงิน เปรียบเทียบผลประกอบการย้อนหลัง วิเคราะห์คู่แข่งในตลาด ฯลฯ ถ้าเป็นสายเทคนิคต้องดูแนวโน้มของ SET และหุ้น ว่าอยู่ในช่วงขาขึ้น - ขาลง - side way ดูพฤติกรรมราคาหุ้นและสภาพคล่องของหุ้นนั้นๆ ด้วย เนื่องจากว่าหุ้นบางตัวแกว่งตัวค่อยข้างแรง ! เวลาปรับฐานที อาจทำให้นักลงทุนตกใจได้ ส่วนหุ้นที่ไม่มีสภาพคล่อง เป็นหุ้นที่ไม่มี Volume มากนัก เวลาคุณคิดจะตั้งขาย อาจจะไม่สามารถขายได้ในทันที แบบหุ้นที่มีสภาพคล่องสูงๆ อาจทำให้คุณติดหุ้นนั้นๆ นานยิ่งขึ้นได้ 

ดังนั้น กฎเหล็ก ที่เทรดเดอร์ต้องมี ง่ายๆ 3 ข้อ ถ้าอยากเทรดเก่งไม่แพ้ Robot ประกอบด้วย

สำหรับสายเทรดเดอร์ จำเป็นต้องฝึก 3 สิ่ง ดังนี้
.
1. ฝึกอารมณ์ ควบคุมจิตใจ รอคอยอย่างเยือกเย็น เมื่อ Timing ยังไม่ใช่ และแพ้ได้ แต่ห้ามเอาคืนด้วยความใจร้อนจนขาดสติ
.
2. มีวินัยในการเทรดอย่างเคร่งครัด เมื่อผิดทาง ต้องยอมมอบตัว เพราะสำหรับเทรดเดอร์แล้ว การรักษาเงินต้นคือสิ่งสำคัญเพราะ เงินหมด = เกมจบทันที และการ Over Trade คือหนทางสู่ความจน !
.
3. เด็ดเดี่ยวเข้าไว้ เมื่อถึงเวลาที่ต้องตัดสินใจ ก็ต้องกล้าที่จะตัดสินใจทำไปตามแผน ไม่ลังเลต่อสิ่งรบกวนใดๆ ทั้ง...ประโยชน์ที่จะได้รับ และผลลัพธ์ที่น่าผิดหวัง

กฎเหล็ก 3 ข้อ ต้องไปด้วยกันอย่างไม่มีข้อยืดหยุ่น เพราะสิ่งนี้คือ “หัวใจหลักของการลงทุนในทุกประเภท”
.
“เมื่อถึงเวลาที่ต้องตัดสินใจ ประสบการณ์ของคุณจะเป็นตัวชี้วัดความสำเร็จที่จะเกิดขึ้น”

สนใจหนังสือคลิก :