เมื่อ Wall Street สนใจ Bitcoin ?
ประเดิมกันไปสดๆ ร้อนๆ นะครับกับตลาด Bitcoin futures สองแห่งแรกในสหรัฐฯ ที่เปิดตัวไปในอาทิตย์ที่ผ่านมา
สัญญา Futures ของ Bitcoin ภายใต้ ticker “XBT” เปิดให้เทรดที่ Cboe ได้เพียงไม่กี่ชั่วโมง ราคา futures เดือนมกราคาของ Bitcoin ก็ทยานขึ้นไปเกิน 25% ส่งผลให้ตลาดเกิด circuit breaker ยุติการซื้อขายชั่วคราวถึง 2 ครั้ง
ถือเป็นสัญญานว่า Wall St. มองว่า Bitcoin จะยังไปต่อได้อีก คลายความกังวลในหมู่นักเทรด Bitcoin กันไปชั่วขณะเนื่องจากในอาทิตย์ที่ผ่านมาเริ่มมีกระแสว่าการมาของตลาด Futures ครั้งนี้อาจเปิดโอกาสให้ผู้เล่นยักษ์ใหญ่เข้ามาถล่มและเก็งกำไรจากการร่วงหล่นของราคา Bitcoin ในตลาด Spot
บทความนี้จะชี้ 2 ประเด็นที่น่าจับตามองหลังจากที่ Wall St. กำลังเข้ามาร่วมวงในโลกคริปโตครั้งนี้ครับ
1. บทบาทของตลาด Futures
ประเด็นแรกคือตลาด Futures สำหรับ Bitcoin จะถูกใช้เพื่อจุดประสงค์ใด
ปกติแล้วตลาด Futures มีประโยชน์เชิงเศรษฐกิจจริงๆ ก็คือการเปิดโอกาสให้เราสามารถบริหารความเสี่ยงต่อความผันผวนของราคาสินทรัพย์บางอย่างผ่านการซื้อหรือขายสัญญา futures ของสินทรัพย์นั้น
ยกตัวอย่าง เช่น ชาวสวนที่ปลูกยางพาราสามารถไป short futures ยางพาราเพื่อช่วยปิดความเสี่ยงในกรณีที่ยางพาราจะราคาตกในเดือนหน้าได้ ซึ่งเมื่อเวลาผ่านไปถ้าราคายางตกจริง สัญญานี้จะช่วยการันตีรายได้ให้ได้อย่างน้อยคือราคาตามในสัญญา
ถ้าราคายางขึ้นไปมากกว่าที่คิดไว้ ชาวสวนจะปิด short position ในตลาด futures ยอมขาดทุนในตลาด futures นิดหน่อย แต่โดยรวมกำไรของเขาจะคงที่ไม่ว่าราคายางจะผันผวนแค่ไหน
ทีนี้กลับมาที่ Bitcoin
ผู้เขียนมองว่าการบริหารความเสี่ยงดังกล่าวไม่น่าจะใช่บทบาทหลักของตลาด Bitcoin futures เหตุคือเนื่องจากผู้เล่นยักษ์ใหญ่แตกต่างจากชาวสวนยางพาราตรงที่เขาไม่ได้ long สิ่งที่เขากำลังเทรด futures ไม่เหมือนกับที่ชาวสวนเขาลงทุนปลูกยางพารา (ซึ่งก็คือการ long แบบหนึ่ง)
ส่วนหนึ่งเป็นเพราะว่าการเทรด Bitcoin ตรงๆ ยังไม่ถูกกฎหมายพอสำหรับผู้เล่นสถาบันเหล่านี้
คำถามต่อมาคือแล้วการเข้ามาเพื่อเก็งกำไรอย่างเดียวหรือเพื่อสร้าง exposure กับโลกคริิปโตให้กับลูกค้าของเขามันมีประโยชน์ต่อตลาด Bitcoin โดยรวมบ้างหรือไม่
ผู้เขียนมองเห็นประโยชน์แค่ 2 อย่าง
1. คือมันสร้างสภาพคล่องให้กับผู้เล่นรายย่อยที่ต้องการ hedge ความเสี่ยงจากการเทรด Bitcoin จริงๆ และ
2. ถ้าเราคิดว่า Wall St. รู้ดีที่สุดว่า valuation ที่แท้จริงของ Bitcoin คือเท่าไหร่ มันอาจช่วยหล่อหลอมราคาที่แท้จริงออกมาได้
ส่วนหนึ่งเป็นเพราะว่าการเทรด Bitcoin ตรงๆ ยังไม่ถูกกฎหมายพอสำหรับผู้เล่นสถาบันเหล่านี้
คำถามต่อมาคือแล้วการเข้ามาเพื่อเก็งกำไรอย่างเดียวหรือเพื่อสร้าง exposure กับโลกคริิปโตให้กับลูกค้าของเขามันมีประโยชน์ต่อตลาด Bitcoin โดยรวมบ้างหรือไม่
ผู้เขียนมองเห็นประโยชน์แค่ 2 อย่าง
1. คือมันสร้างสภาพคล่องให้กับผู้เล่นรายย่อยที่ต้องการ hedge ความเสี่ยงจากการเทรด Bitcoin จริงๆ และ
2. ถ้าเราคิดว่า Wall St. รู้ดีที่สุดว่า valuation ที่แท้จริงของ Bitcoin คือเท่าไหร่ มันอาจช่วยหล่อหลอมราคาที่แท้จริงออกมาได้
2. ควรระวังให้มากกว่าเดิม
พูดถึงประโยชน์กันไปแล้ว มาพูดถึงโทษภัยกันบ้าง
ผู้เขียนคิดว่ามันไม่เร็วเกินไปหากเราจะเริ่มพูดถึง systemic risk เมื่อผู้เล่นรายใหญ่เริ่มจับกระแสคริปโตกันมากขึ้นเรื่อยๆ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เราเห็น regulator หลายแห่ง (ยกเว้นบางแห่งเช่น เกาหลีใต้ที่แบน ICO) ยังเชื่องช้าและดูเหมือนไม่มีท่าทีว่าจะใช้ไม้แข็งเลยทั้งๆ ที่ในหนึ่งเดือนที่ผ่านมามีความเคลื่อนไหวใหม่ๆ มากมายว่าสถาบันการเงินใหญ่ๆ จะเริ่มเข้าไปร่วมสนุกกับสิ่งที่หลายคนมองว่าเป็นฟองสบู่ และเริ่มมีกลิ่นอายของการพนันมากขึ้นทุกวัน
จริงอยู่ว่ามูลค่าโดยรวมของโลกคริปโตยังน้อยนิดเมื่อเทียบกับมูลค่าสินทรัพย์พิษ (toxic assets) เมื่อช่วงก่อนวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ แต่ปัญหา systemic risk ที่เวลาวงแตกแล้วลามไปทั่วก็มักเริ่มแบบนี้
เริ่มเล็กๆ ก่อน พื้นฐานเข้าใจยาก แต่ก็แห่กันซื้อขาย เพราะอยู่ในช่วงดอกเบี้ยต่ำไม่เร้าใจ กฎหมายควบคุมก็ค่อนข้างหละหลวม กว่าจะรู้ตัวก็สายเกินไป
คงต้องคอยจับตาดูกันต่อไป เมื่อการเข้าหา exposure กับโลกคริปโตโดยนักลงทุนสถาบันกลายเป็นแบบ debt financed เมื่อไหร่ ปัจจัยอันตรายเดิมๆ ที่ทำให้เกิดวิกฤตครั้งแล้วครั้งเล่าก็มีโอกาสกลับมาพร้อมหน้าพร้อมตากันใหม่อีกครั้ง
สำหรับนักลงทุนรายย่อย ผู้เขียนคิดว่าวันนี้ไม่ถือว่าเร็วไปที่จะสำรวจดีๆ ว่า exchange ที่คุณกำลังซื้อขายอยู่จะสามารถรับมือสถานการณ์ Bank Run ได้ดีแค่ไหน ก็ขอให้ระวังกันมากๆ ครับ