#ลงทุนแนวปัจจัยพื้นฐาน

เจาะหุ้น SAPPE ฟังค์ชั่นนอลดริ้งค์พันล้าน !!

โดย stock2morrow
เผยแพร่:
710 views

ที่มาภาพ : http://www.sappe.com/th/

 

ทุกวันนี้เราปฏิเสธไม่ได้ว่าธุรกิจดูแลสุขภาพและรักสวยรักงามจะเป็น Mega trend ของอนาคตอย่างแน่นอนโดยเฉพาะกลุ่มคนหนุ่มสาวที่หันมาดูแลและใส่ใจสุขภาพตัวเองมากขึ้น และเครื่องดื่มฟังค์ชั่นนอลดริ๊งค์ (Functional Drink) คือเครื่องดื่มที่วัยรุ่นยุคใหม่สนใจบริโภคเป็นอย่างมาก
 

อะไรคือ Functional Drink ? ... Functional Drink คือ ผลิตภัณฑ์กลุ่มเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ มีการดัดแปลงองค์ประกอบเพื่อเติมสารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นวิตามิน สมุนไพร พืชผัก ผลไม้ เพิ่มเติมจากการกินดื่มในแต่ละวัน เพื่อที่จะลดความเสี่ยงหรือป้องกัน ชะลอ ให้เกิดโรคต่างๆ ให้ดียิ่งขึ้น
 

เมื่อมองหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ บริษัทดูเหมือนจะเข้าธีม Mega trend เครื่องดื่มที่ใส่ใจในสุขภาพคงจะหนีไม่พ้น SAPPE ...
 

บริษัท เซ็ปเป้ จำกัด (มหาชน) หรือ SAPPE ทำธุรกิจ ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ และเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพและความงาม โดยแบ่งเป็น 4 กลุ่มผลิตภัณฑ์หลัก ภายใต้ 14 ตราสินค้าทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งประกอบด้ว


1) ผลิตภัณฑ์ประเภทเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพและความงาม 
2) ผลิตภัณฑ์ประเภทน้ำผลไม้ เครื่องดื่มแต่งกลิ่นผลไม้ 
3) ผลิตภัณฑ์ประเภทผงพร้อมชง เพื่อสุขภาพ และ ความงาม
4) ผลิตภัณฑ์ประเภทเครื่องดื่มปรุงสำเร็จพร้อมดื่มอื่นๆ

 


นอกจากธุรกิจฟังค์ชั่นนอลดริ้งค์แล้ว ยังทำน้ำผักผลไม้ 100% เพื่อสุขภาพ
ที่มาภาพ : http://www.sappe.com/th/

จุดเริ่มต้นมาจาก 2 ผู้ก่อตั้งคุณอนันท์ รักอริยะพงศ์ และคุณสมนึก ไอศูรย์พิศาลศิริ เริ่มทำ "คุกกี้"ขายตามสถานีรถไฟฟ้าภายใต้แบรนด์ "ปิยจิต" ในปี 2516 จนกระทั่งถีงปี 2513 ได้เปิดบริษัท ทรัพย์อนันต์ เยนเนอรัลฟู้ด และเปิดตัวผลิตภัณฑ์แรกน้ำผลไม้ผสมวุ้นมะพร้าว "โมกุ โมกุ" ต่อมาได้คิดค้นคอนเซป "แค่ดื่ม ... ก็สวยได้" ด้วยเครื่องดื่ม "เซ็ปเป้ บิวตี้ ดริ้งค์" ถือเป็นจุดเริ่มต้นของธุรกิจฟังค์ชั่นนอลดริ้งค์ที่ประสบความสำเร็จและเติบโตสูงมาก ต่อมาได้เปลี่ยนชื่อเป็น บริษัท เซ็ปเป้ จำกัด (มหาชน) ในปี 2556 ก่อนจดทะเบียนเข้าตลาดหลักทรัพย์จนถึงทุกวันนี้
 

ล่าสุดนอกจากธุรกิจเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพแล้ว SAPPE ได้เข้าไปลงทุนธุรกิจเกี่ยวกับน้ำมะพร้าวที่เติบโตเร็วและเป็นที่ต้องการของต่างชาติ โดยการเข้าซื้อโรงงานทำน้ำมะพร้าวและร่วมมือกับบริษัท"ออล โคโค" เข้าถือหุ้นลงทุน 60% ซึ่ง ออล โคโค ทำธุรกิจมะพร้าวแบบครบวงจรตั้งแต่มีความร่วมมือกับเกษตรกรผู้ปลูกมะพร้าวป้อนโรงงานได้มากกว่า 1 แสนลูก ทำน้ำมะพร้าวบรรจุขวดขาย และยังมีพื้นที่บูสต์ตามห้างสรรพสินค้าดังๆในประเทศไทย
 

ปัจจุบันสัดส่วนรายได้สินค้าที่เป็นกำลังสำคัญใหญ่ของเซ็ปเป้ได้เปลี่ยนเป็นกลุ่มน้ำผลไม้แล้ว มีสัดส่วน 60% ฟังก์ชันนัลดริงค์เหลือ 20% ฟังก์ชันนัลพาวเดอร์ 20% และในส่วนของกาแฟพร้อมดื่มคือสัดส่วนที่เหลือ
 

ที่ผ่านมา SAPPE เป็นบริษัทที่มีงบดุลแข็งแกร่ง ไม่มีหนี้สินระยะยาว ในขณะที่ส่วนทุนมากถึง 2.17 พันล้านทำให้อัตราส่วน D/E เท่ากับ 0.21 เท่า ถือว่าต่ำมาก ส่วนของผู้ถือหุ้นเพิ่มขึ้นทุกปีบ่งบอกว่าบริษัทมีกำไรทุกปีและเพิ่มมูลค่าให้กับผุ้ถือหุ้นอย่างต่อเนื่อง
 

 


สรุปงบการเงินของ SAPPE 
ที่มาภาพ : set.or.th ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

 

ที่ผ่านมารายได้ของบริษัทแทบจะไม่เติบโตสักเท่าไร อาจจะเป็นเพราะบริษัทกำลังมองหาการเติบโตรอบใหม่ หลังจากที่เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพอาจจะเริ่มอิ่มตัวแล้ว บริษัทมีรายได้ประมาณ 2.5 - 2.8 พันล้าน เมื่อหักกับต้นทุนขาย และค่าบริหารแล้วจะเหลือ EBITDA Margin ประมาณ 23 - 26% โดยประมาณ เมื่อนำไปหักภาษีและค่าเสื่อมแล้วจะเหลือกำไรสุทธิประมาณ 300 - 400 ล้าน ส่งผลให้อัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ประมาณ 11-15% ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่พอรับได้


ปี 2557 บริษัทมีรายได้ 2.85 พันล้าน และกำไรสุทธิ 360 ล้านบาท คิดเป็น Profit Margin 12.63 เท่า


ปี 2558 บริษัทมีรายได้ 2.55 พันล้าน และกำไรสุทธิ 300 ล้านบาท คิดเป็น Profit Margin 11.76 เท่า


ปี 2559 บริษัทมีรายได้ 2.79 พันล้าน และกำไรสุทธิ 410 ล้านบาท คิดเป็น Profit Margin 14.69 เท่า


ปี 2560 ยอด 9 เดือน บริษัทมีรายได้ 2.1 พันล้าน และกำไรสุทธิ 323 ล้านบาท คิดเป็น Profit Margin 15.36 เท่า


ROA และ ROE ของบริษัทอยู่ในระดับที่เรียนว่าดีมากประมาณ 20% โดยเฉลี่ยถือว่าทำได้ดีมาก
 

SAPPE เป็นหุ้นที่เคยร้อนแรงมากตอนเข้ามาเทรดในตลาดหุ้นใหม่ๆ เคยแตะระดับราคาสูงสุดถึง 40 บาทก่อนที่จะอ่อนตัวลงมาที่ระดับราคา 15 บาท และกลับไปที่ 25 บาทอีกครั้ง 
ปัจจุบันมีค่า P/E ratio ที่ 18 เท่า และ P/BV ที่ 3.5 เท่า และปันผลประมาณ 2%

 

SAPPE ยังคงมองหา S-Curve ครั้งใหม่ หลังจากที่อิ่มตัวมากับเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ การลงทุนในธุรกิจน้ำมะพร้าว จะเป็นการเติบโตรอบใหม่ได้หรือไม่ เป็นสิ่งที่นักลงทุนต้องติดตามกันต่อไปครับ
 

บทวิเคราะห์ว่าอย่างไรบ้าง ?


บล.ทิสโก้ ระบุว่า กำไรสุทธิครึ่งปีแรกคิดเป็น 58% ของกำไรทั้งปี โดยในไตรมาส 3/60 ยังอยู่ในช่วง high season แต่โดยปกติจะอ่อนกว่าไตรมาส 2 ที่ส่งออกสูงสุด และเริ่มลดลงในไตรมาส 4 เนื่องจากเป็นช่วง low season เรายังคงประมาณการเดิม คาดรายได้ปี 60 - 62 เติบโตเฉลี่ย 10% สอดคล้องกับบริษัทคาดการณ์รายได้ปีนี้เติบโต 10% แต่คาดกำไรสุทธิในปีนี้จะลดลง 3% และจะเริ่มเพิ่มขึ้นในปี 61 - 62 ที่ 13% และ 11% ตามลำดับ

 

บล.ฟิลลิป(ประเทศไทย) ระบุว่า แนวโน้มครึ่งปีหลังคาดกำไรปกติจะเพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน จากยอดขายที่เพิ่มขึ้น 6.3% แบ่งเป็นในไทยเพิ่มขึ้น 5% จากการออกสินค้าใหม่ และส่วนหนุนจากตัวแทนจำหน่ายรายใหม่ สามารถกระจายสินค้าครอบคลุมมากขึ้น ส่วนต่างประเทศคาดเพิ่มขึ้น 7% แม้ราคาขายเฉลี่ยจะลดลง แต่จะถูกชดเชยด้วยปริมาณขายที่เติบโตดี

ซึ่งปีนี้บริษัทมีแผนเพิ่มตัวแทนจำหน่ายจีนอีก 2 ราย เดิมมี 4 ราย ทั้งนี้ยอดขายจีนน่าจะเป็นสัดส่วนที่น้อยอยู่ และเติบโตอย่างค่อยเป็นค่อยไป ทางฝ่ายปรับกำไรปี 60 ขึ้นมาที่ 384 ล้านบาท ลดลง 6.3% แต่หากพิจารณาเฉพาะกำไรปกติคาดเพิ่มขึ้น 1.9%

 

ขณะที่แนวโน้มกำไรปี 61 คาดทำได้ 432 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.3% พร้อมยอดขายเพิ่มขึ้น 12.4% จากกำลังซื้อในประเทศที่คาดว่าจะเริ่มฟื้นตัว และการขยายตลาดต่างประเทศต่อเนื่อง โดยบริษัทมีแผนขยายกำลังผลิตราว 10% ในปี 61 และคาดว่าจะลงทุนเครื่องจักรใหม่เพิ่มในปี 62 คงคำแนะนำ “ซื้อเก็งกำไร” ราคาพื้นฐานปี 61 ที่ 31.50 บาท อิง P/E ที่ 22 เท่า

 


ธุรกิจน้ำมะพร้าวอาจจะเป็นจุด S-curves รอบใหม่ของ SAPPE ก็เป็นได้
ที่มาภาพ : Positioning Magazine

 

ด้าน บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) มีมุมมองเชิงบวกมากกว่า โดยคาดว่ากำไรปีนี้จะกลับมาเติบโตได้ 8% โดยระบุว่า กำไรสุทธิของ SAPPE ในไตรมาส 2/60 อยู่ที่ 163 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 235% จากไตรมาสแรก และ 7.6% จากปีก่อน ซึ่งดีกว่าประมาณการของเรา และ consensus ถึง 103% ในขณะที่กำไรสุทธิในครึ่งปีแรกอยู่ที่ 212 ล้านบาท ลดลง 3.4%

 

โดยรวมจึงปรับเพิ่มประมาณการอัตราการเติบโตของยอดขายปี 60/61 เป็นเพิ่มขึ้น 8% และ 7% จากเดิมคาดลดลง 8% ในปี 60 และเพิ่มขึ้น 2% ปีหน้า 


พร้อมกันนี้ได้ปรับลดสัดส่วนค่าใช้จ่ายด้านการขายต่อรายได้ของทั้ง 2 ปี ลงเหลือ 17.25% จากเดิม 18.5% พร้อมปรับลดสัดส่วนค่าใช้จ่ายด้านการบริหารต่อรายได้ของทั้ง 2 ปีลงเหลือ 9% จากเดิม 9.7% รวมถึงปรับลดประมาณการส่วนแบ่งขาดทุนตามสัดส่วนการลงทุนลงเหลือ 4 ล้านบาท และกลับมาคุ้มทุนได้ในปีหน้า ดังนั้น จึงปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 60 และปี 61 ขึ้นอีกปีละ 22% และขยับไปใช้ราคาเป้าหมาย 12 เดือนข้างหน้าที่ 27 บาท จากเดิม 21.25 บาท

 

ขอบคุณแหล่งข้อมูล

http://www.sappe.com/th/
https://www.set.or.th/set/factsheet.do?symbol=SAPPE&ssoPageId=3&language=th&country=TH
https://www.set.or.th/set/companyhighlight.do?symbol=SAPPE&ssoPageId=5&language=th&country=TH
https://positioningmag.com/1100114
https://www.sentangsedtee.com/career-channel/article_4571
https://www.efinancethai.com/LastestNews/index.aspx?ref=P&id=79WVYh39J/w=&year=2017&month=10&lang=T

 

RunTrend สัมมนาพิเศษ ฟรี ส่งท้ายปี 

 


ศูนย์รวมความรู้เรื่องหุ้น ศูนย์รวมนักลงทุนรายย่อย ที่อยากรู้วิธีการลงทุนในหุ้นอย่างถูกต้องและได้กำไรอย่างยั่งยืน ติดตามเราได้ที่

www.stock2morrow.com 

FB: stock2morrow 

LINE@stock2morrow

FacebookInstagramYoutubeLine

บทความอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง