5 ข้อควรรู้ "ก่อนคิด ออมในหุ้น"
การออมในหุ้น สามารถสร้าง Passive Income เลี้ยงเราจนตาย โดยที่แม้เราเกษียณแล้วก็ยังมีเงินปันผลที่เลี้ยงเราไปเรื่อยๆ ตราบเท่าที่บริษัทที่เรา "ออมในหุ้น" ยังพื้นฐานดี และ เติบโตต่อไปเรื่อยๆ
...ดังนั้น สิ่งที่ควรรู้ถ้าจะออมในหุ้น 5 ข้อ มีดังนี้
1. "หุ้นที่เราจะออม ต้องเป็นหุ้นพื้นฐานดี" ...คนส่วนใหญ่คิดออมในหุ้นแต่ดันไปซื้อหุ้นปั่น (หุ้นที่ไม่มีพื้นฐาน ไม่มีกำไร ไม่มีปันผล มีแต่ข่าวดีและความหวังว่าจะดีเท่านั้น) ...หุ้นแบบที่ว่านี้ ไม่ควรออม ไม่ควรถือยาว ..ใช่!! คนส่วนใหญ่หลงไปซื้อหุ้นประเภทเก็งกำไร แต่คิดว่าตัวเองกำลังออมในหุ้น -- ผิดหลักการครับ
2. "การออมหุ้น ต้องสนใจมูลค่ามากกว่าราคา" ...คำว่า ซื้อถูกหรือแพง สำคัญน้อยกว่า มูลค่าที่เราจะซื้อจริงๆ ...เพราะ การออมในหุ้น เราสนใจ เงินที่เราจ่ายไปซื้อหุ้นบริษัทดีๆ ที่ออมว่าจะต้องให้ปันผลเท่าไหร่เทียบกับเงินที่ลงไป เช่น หุ้นราคา 10 บาท ถ้าปันผล 1 บาท ต่อปี ก็แปลว่า หุ้นนี้ถือ 10 ปี ก็สามารถคืนเงินต้นที่ลงทุนแล้ว ...หลังจากที่เงินปันผลคืนเงินต้น เราก็ถือไปเรื่อยๆ ตราบเท่าที่บริษัทนี้ ยังปันผลดีเลี้ยงเราแม้เราหยุดทำงานแล้วก็ตาม ...นี่คือ "การมองมูลค่า ที่เราจะได้จากการออมในหุ้น ..ไม่ใช่การซื้อๆ ขายๆ เก็งกำไร"
3. "เงินที่แบ่งมาออมในหุ้น ต้องเป็นเงินที่ตัดออกจากชีวิตเราได้" ...เงินที่จะนำมาออมในหุ้น ไม่ใช่เอาเงินทั้งหมดในชีวิตมาซื้อ แต่ให้เราเอาเงินที่เรา สามารถตัดออกจากชีวิตได้ แบ่งออกมาเช่น 10% ของเงินเดือน เพื่อนำมาซื้อหุ้นปันผล ...เพราะ หัวใจของการออมในหุ้น คือ ได้ Passive Income เลี้ยงเราโดยที่เราไม่ต้องทำงาน ...ไม่ใช่การมาเก็งกำไรซื้อขาย คนละเรื่องกัน ...ดังนั้น เราต้องเข้าใจวัตถุประสงค์ของเงินก้อนนี้ว่าจะเอามาออม ..."คนที่ตัดเงินออกจากชีวิตได้เท่านั้น ที่จะสามารถสร้าง Passive Income จากการออมในหุ้นได้" ...ใช่ครับ!! อาจจะไม่ใช่ทุกคนที่ทำได้ ต้องพิจารณาว่า คุณเหมาะกับวิธีนี้หรือไม่
4. "ต้องไม่หวั่นไหวกับการแกว่งของราคาหุ้น" ..การออมในหุ้นนั้น เราสนใจที่มูลค่า ..เราแบ่งเงินมาออมในหุ้นดีที่เติบโต ดังนั้น เป้าหมายคือ การสร้างเงินปันผล ที่จะเลี้ยงเรา หลังจากที่เราไม่มีเงินเดือน ...แปลว่า เงินก้อนนี้จะแช่อยู่ในตลาดหุ้นตลอดเวลา -- "ซื้อหุ้นดีแล้วไม่ขายชั่วชีวิตนั่นแหละ"
....ซึ่งต้องเข้าใจว่า ในบางเวลา ตลาดหุ้นอาจมีภาวะผันผวน มีข่าวร้ายจนราคาที่เราซื้ออาจลงไปเยอะมาก (ราคาหุ้นอาจแกว่งเกิน 50%)...แต่ต้องกลับมาถามเน้นย้ำตัวเองถึงวัตถุประสงค์ของเงิน ว่าเงินนี้ไม่ใช่เอามาเก็งกำไร แต่เราเอามา "ออม" -- สรุปว่า คุณต้อง "เหนือเงิน" ไม่สนใจการแกว่งขึ้นลงของราคา -- ภาษาชาวบ้าน คือ "กรูซื้อแล้วไม่ดูราคาอีกเลย ...ดูแต่ปันผลที่หุ้นดีนี้จะจ่ายให้เราไปเรื่อยๆ ชั่วชีวิตของเรา"
5. "จังหวะการซื้อ สำคัญที่สุดในการออมในหุ้น" ..ในเมื่อหลักการออมในหุ้นคือ การซื้อหุ้นดีแล้วไม่ขายชั่วชีวิต หมายความว่า เราควรซื้อหุ้นตอนที่ราคาไม่แพง ...จังหวะที่ราคาหุ้นไม่แพง ก็คือ ช่วงที่หุ้นที่เราชอบมีข่าวร้าย ...ใช่!! ถ้าคิดจะออมในหุ้น จะต้องซื้อหุ้นดี ในข่าวร้าย (ไม่ใช่ซื้อหุ้นแพง ในข่าวดีเหมือนคนส่วนใหญ่ในตลาดหุ้นนะครับ)
#ภาววิทย์กลิ่นประทุม