คนที่มองว่าหุ้นเสี่ยงไป หรือเข้าใจยาก อาจจะมีทางเลือกกับ REIT ที่เป็นภาคต่อมาจาก Property Fund หรือที่คนในวงการเรียกติดปากกันว่า กองทุนอสังหาฯ ซึ่งคำเต็มๆ ของ “ REIT " คือ Real Estate Investment Trust ถ้าจะเรียกเป็นภาษาไทยแบบเต็มยศก็คือ " กองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ "
รูปแบบ REIT ไม่ต่างไปจาก Property Fund มากนัก แต่มีความเป็นสากลมากขึ้น คนทั่วโลกรู้จักและเข้าใจกันเป็นอย่างดี อธิบายคร่าวๆ ของการลงทุนประเภทนี้ก็คือการเลือกช้อป (เลือกลงทุน) ในกอง REIT ที่ผู้ประกอบการหลายๆ เจ้านำเอาโครงการอสังหาฯ ของตนเองที่มี จัด Package ตั้งเป็นกอง REIT ให้ผู้ที่สนใจเข้าร่วมลงทุน แล้วแบ่งผลประโยชน์ตอบแทนกันตามนโยบายของกองทรัสต์ ซึ่งส่วนใหญ่จะจ่ายไม่น้อยกว่าสองครั้งต่อปี
ซึ่งความโดดเด่นก็คือ การที่สามารถซื้อ-ขายเปลี่ยนมือกันได้ผ่านทางตลาดหลักทรัพย์ฯ ซึ่งสภาพคล่องก็คล้ายๆ หุ้นนั่นเอง ซื้อง่าย ขายคล่อง และมีนโยบายจ่ายผลประโยชน์ตอบแทนคล้ายปันผล
ขนาดการลงทุนของ REIT ในประเทศที่พัฒนาแล้ว ขนาดการลงทุนของ REIT ในประเทศที่พัฒนาแล้ว เช่น สิงค์โปร์ ญี่ปุ่น ออสเตรเลย รวมถึงประเทศสหรัฐอเมริกา ก็เป็นการลงทุนที่แพร่หลายไม่น้อยไปกว่าหุ้น
ในขณะที่บ้านเรา เริ่มเป็นที่รู้จักและได้ใช้เป็นเครื่องมือในการลงทุนได้ดีเครื่องมือหนึ่ง ที่ผ่านมา มีศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมได้ออก REIT มาให้นักลงทุนได้ลงทุนกันบ้างแล้ว แต่ยังไม่มีศูนย์การค้า ที่ออกเป็น REIT ให้นักลงทุนได้ลงทุนกันเลย ซึ่งในส่วนของเจ้าของโครงการก็ได้เงินก้อนไปลงทุนโครงการใหม่ได้แบบ win-win อาจจะด้วยความสดใหม่ จึงมีคนเอ่ยปากด้วยซ้ำไปว่า REIT ที่ออกในไทย ให้ผลประโยชน์ตอบแทนที่ดีไม่แพ้ใคร คือประมาณ 7-8% ต่อปี นั่นอาจจะเป็นเพราะเพิ่งเริ่มไม่นาน จึงมีแต่ของดีๆ คลอดออกมานำร่องกันก่อน
ยกตัวอย่าง แว่วๆ มาว่า อีกไม่นานจะมี REIT ของ Terminal 21 ห้างฮิตที่มีคนเช็คอินมากที่สุดติดอันดับโลก ในชื่อของ LHSC (LH Shopping Centers Leasehold REIT) เห็นชื่อปั๊บก็เป็นที่รู้กันว่าเจ้าของคือ Land and Houses ซึ่งเป็นรายใหญ่ของวงการอสังหาฯ ไทย
เมื่อมีห้างตั้งอยู่ในทำเลเด่น ติดรถไฟฟ้าทั้งบนดินและใต้ดิน เป็นจุดเปลี่ยนรถ และตั้งอยู่ถนนสายช้อปปิ้ง ถนนสุขุมวิท ที่เชื่อมต่อตั้งแต่อโศก ไปชิดลม , เพลินจิต และสยาม นั่นก็ทำให้จำนวนผู้คนที่ผ่านและแวะมีมากมาย ตามมาด้วยร้านค้าก็จับจองเต็มพื้นที่การเช่า
นั่นน่าจะทำให้เกิดความน่าสนใจในการกระจายการลงทุน จึงจะกำเนิดออกมาเป็นกอง REIT ให้เลือกช้อป หรือเลือกลงทุนกัน
หากยกในกรณีของ LHSC เป็น case study สำหรับการลงทุนในเครื่องมืออย่าง REIT ก็น่าสนใจ
ลองมามองจุดดี จุดเสียกันเป็นข้อๆ
จุดเสีย เท่าที่น่าคิดสำหรับคนที่เป็นนักลงทุนหุ้นอยู่แล้ว และมีเวลาในการติดตามราคาหุ้นอย่างกระชั้นชิด รู้จังหวะเข้า-ออก เป๊ะๆ อาจจะมองว่าลงทุนหุ้นให้ผลตอบแทนได้ดีกว่า คือแทนที่จะซื้อกอง REIT ก็ไปซื้อหุ้นของ L&H เลยดีกว่า
แต่ในจุดเดียวกันนี้ หากมองกลับด้านกัน LHSC กลับเป็นเครื่องมือที่ดีของผู้ที่ไม่ค่อยมีเวลานัก หรือผู้ที่ยังไม่ได้คลุกคลีกับการลงทุนหุ้นมากเท่าไหร่
ในกรณี เลือกสนใจลงทุน LHSC แทนหุ้นด้วยเหตุผลข้างต้น
ข้อที่ควรมองสเต็ปถัดมาคือศักยภาพของกอง REIT กองนี้ในจุดเด่นต่างๆ
อาทิ ทำเลที่ดี , กลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจน, บริหารโดยรายใหญ่วงการอสังหาฯ, กลยุทธ์ทางการตลาดที่ดึงให้คนเข้าไปเดินซื้อของ หรือทานอาหาร , ดีไซน์ที่โดดเด่นดึงคนเข้าเช็คอินผ่านโซเชี่ยล นั่นเป็นภาพเจาะลึกในธุรกิจ
ขณะที่ภาพใหญ่กว่านั้นก็ต้องดูในภาพรวมของธุรกิจ เช่นความเติบโตของธุรกิจท่องเที่ยว , การขยายตัวของธุรกิจค้าปลีกที่โตขึ้นเรื่อยๆ มาพร้อมกับค่าเช่าของร้านค้าที่โดนปรับขึ้นตามอายุสัญญาเช่นกัน
ทั้งหมดนี้ก็เป็นตัวอย่างให้ได้พอให้เห็นภาพรวมของ REIT ที่เป็นทางเลือกหนึ่งในการลงทุน มากกว่า แค่หุ้น , ที่ดิน, คอนโดฯ หรืออะไรอื่นๆ ที่นักลงทุนต้องลงไปจัดการด้วยตนเอง
ถ้าเราตามให้ทันต่อโลกของการลงทุน เราจะยิ่งเห็นเครื่องไม้เครื่องมือที่มากกว่าที่เข้าใจแบบเดิมๆ
เมื่อรู้มากขึ้น นั่นยิ่งเพิ่มโอกาสในการเลือกแนวการลงทุนที่ถนัด และนั่นจะเป็นการต่อยอดเงินให้โตขึ้นด้วยการทำงานของตัวมันเอง ในอัตราผลตอบแทนที่เราสามารถออกแบบเองได้ จากการเลือกเครื่องมือในการลงทุน อย่างการลงทุนใน REIT เป็นต้น
อยากศึกษารายละเอียดเพิ่มเติม ของกอง LHSC ลองดูเพิ่มเติมกันที่ www.lhsc-reit.com