การทำธุรกิจประสบกับปัญหา จนในปี 2549 บริษัทต้องปรับโครงสร้างหนี้กับธนาคารกรุงศรีอยุธยา และเป็นเหตุให้กลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ได้ตัดสินใจขายหุ้นให้กับนักลงทุนหน้าใหม่ คือ APF Management

 

APF Management เริ่มจากการเป็นกองทุนส่วนบุคคลของนายมิทสึจิ โคโนชิตะ ที่รวบรวมเงินจากกลุ่มเพื่อนฝูงและบริหารจนมีขนาดเติบโตขึ้นเรื่อยๆ

 

นายมิทสึจิ เดิมเป็นนักกีฬาเทนนิสทีมชาติญี่ปุ่น แต่ผันตัวมาเอาดีทางด้านการลงทุน

 

APF ไม่ได้เข้ามาลงทุนใน GL เป็นบริษัทแรก แต่ก่อนหน้านี้มีการเอาเงินเข้าไปลงทุนในหลากหลายธุรกิจ เช่น ธุรกิจประกันภัย

 

(ขอบคุณภาพ : ข่าวหุ้นธุรกิจ )

 

การขายหุ้นครั้งนั้นและหลังจากนั้น ทำให้กลุ่มทุนญี่ปุ่นเข้ามาเป็นผู้ถือใหญ่ใน GL ผ่านบริษัท 2 แห่ง ก็คือ

 

1. APF Holding (มีการปรับโครงสร้างภายในของ APF โดยในช่วงแรกจะมีทั้ง APF Holding และ APF Management แต่หลังจากนั้นมีการโอนหุ้นข้ามให้กันจนผู้ถือหุ้นของ GL เหลืออยู่เพียง APF Holding)

 

2. Engine Holding Asia ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ Wedge Holding ในญี่ปุ่น ซึ่งก็มีนายมิทสึจิ เป็นประธานบริษัทเช่นเดียวกัน

 

***Wedge Holding ก็ถือหุ้นใหญ่โดย APF Holding ทำให้ 2 รายนี้ถูกจัดเป็นกลุ่มเดียวกัน เพราะมีนายมิทสึจิเป็นคนบริหารทั้งหมด****

 

กลุ่มทุนญี่ปุ่นของนายมิทสึจิถือหุ้นรวมกันมากกว่า 80% ในระยะแรกที่เข้ามานั้น บริษัทถูกตลาดหลักทรัพย์สั่งให้ปฏิบัติตามเกณฑ์เรื่อง Free Float มาโดยตลอด เพราะจำนวนผู้ถือหุ้น GL มีแค่หลักร้อย และมี free float ที่ต่ำมาก

 

หุ้นหลักอยู่ในมือของ 2 ผู้ถือหุ้นหลัก และมีผู้ถือหุ้นอันดับ 3 คือ นายสามารถ จิระดำรง ซึ่งเป็นผู้บริหาร GL แต่ตั้งเดิม ที่ถือหุ้นอยู่ราว 10%

 

ในช่วงแรกที่ APF เข้ามาใน GL นั้น ดูเหมือนจะยังไม่มีอะไรผิดปกติ เพราะการบริหารงานยังคงอยู่ภายใต้การดูแลของนายสามารถ ซึ่งเป็นผู้บริหารเก่า ต่อเนื่องมาจนถึงราวปี 2554

 

ข้อมูล ณ ปี 2552 GL กินส่วนแบ่งตลาดเป็นอันดับ 4 ของผู้ให้บริการสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ โดยอันดับ 1 2 3 คือ TK ไฮเวย์ และธนบรรณ ตามลำดับ

 

การทำธุรกิจในช่วงปี 2550 - 2554 นั้นยังเป็นไปตามปกติ เน้นการทำธุรกิจในประเทศไทย และปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงานให้ดีขึ้น นอกจากนั้นในส่วนของผู้ถือหุ้นก็ค่อยๆกระจายหุ้นออกทีละน้อย เพื่อให้มีการกระจายหุ้นเป็นไปตามเกณฑ์ free float ของตลาด

 

 

ราคาหุ้น GL ค่อยๆดีดตัวขึ้น และมีการออก GL-W1 ในช่วงนั้น

 

จนถึงปี 2553 - 2554 ผู้ถือหุ้นที่เป็นผู้บริหารเดิมใน GL เริ่มขายหุ้นออก แต่นายสามารถยังไม่ได้เริ่มขาย โดยนายสามารถมาเริ่มขายหุ้นส่วนที่ตัวเองถือออกในปี 2554 และหมดบทบาทในการบริหารงาน GL ในที่สุด

 

****ถ้าใครจำได้ ลักษณะนี้จะคล้ายๆกับ IFEC ที่พอกลุ่มคุณหมอวิชัยเข้าซื้อหุ้นจากกลุ่มเจ้าของเดิมที่ทำธุรกิจเครื่องถ่ายเอกสาร ก็ไม่ได้หมายความว่าผู้ถือหุ้นเดิมจะขายหุ้นออกทั้งหมดในทันที แต่จะเป็นการค่อยๆขาย*****

 

เป็นอันว่า นับจากปี 2555 เป็นต้นมา ถือว่า GL ได้เปลี่ยนถ่ายการบริหารจากกลุ่มผู้บริหารและผู้ถือหุ้นเดิม มาอยู่ภายใต้การกุมบังเหียนของนายมิตสึจิอย่างเต็มตัว

 

และนั่นคือจุดเริ่มต้นของความยุ่งเหยิงที่จะค่อยๆเกิดขึ้นทีละน้อย

..ติดตามได้ในตอนต่อไป..