เพราะ iPhone เป็นมากกว่ามือถือ
ก็เลยมีแต่คนเฝ้ารอต่อแถวซื้อ แม้มันจะราคาไม่ใช่น้อย
เพราะ Starbucks เป็นมากกว่ากาแฟ
ก็เลยมีคนนั่งดื่มกาแฟเต็มทุกสาขา แม้จะราคาแก้วละเป็นร้อย
ผมคิดว่าเราก้าวข้ามยุคผลิตภัณฑ์ที่แค่ "มีประโยชน์ใช้สอย" มานานแล้ว
ใครที่ผลิตของได้แค่ "มีประโยชน์" เฉย ๆ ก็จะต้องถูกมองผ่าน
เพราะมีคนผลิตได้เต็มไปหมด
แต่มันต้องมี "คุณค่า" อะไรบางอย่างที่จับต้องไม่ได้
ปัญหาไม่ใช่เราไม่มีมือถือจะใช้
แต่มือถือยี่ห้อไหนต่างหากที่จะทำให้เรารู้สึกได้รับคุณค่าอะไรบางอย่าง
ปัญหาไม่ใช่เราไม่มีกาแฟจะดื่ม
แต่กาแฟร้านไหนต่างหากที่เรารู้สึกว่าดื่มแล้วมันยกระดับชีวิต
สมการความสำเร็จของธุรกิจยุคนี้ จึงออกมาเป็น
"ประโยชน์ใช้สอย + คุณค่า = ความสำเร็จ"
และน่าเสียดายที่ธุรกิจหลายเจ้า ลืมคำว่า "คุณค่า"
เพราะเอาแต่คิดว่าถ้ามันใช้ได้ดี ประโยชน์เด่น ก็คงเห็นความสำเร็จ
ผิดครับ! ยุคนี้ใคร ๆ ก็ผลิตของทันกันได้ ฟังก์ชั่นเหมือนกันเป๊ะ
แต่ที่เลียนแบบกันไม่ได้ คือ "คุณค่า" ต่างหาก
และผมจะบอกเลยว่า "คุณค่า" นั้นมีค่ามหาศาลจนยากจะประเมิน
ไม่ใช่แต่สินค้า ผมคิดว่าตัวเราเองก็ไม่ต่างกัน
ถ้าเราเป็นคนทำงานที่ไม่มีอะไรมากไปกว่าประโยชน์ใช้สอย
คือ ทำงานได้แค่ตามหน้าที่ จบ ไม่มีอะไรมากกว่านั้น
ให้ใครมาทำแทนเราก็ได้ แบบนั้น เค้าเรียกว่าเราขาด "คุณค่า"
แต่ถ้ามันต้องเป็นเราเท่านั้น เค้าไม่อยากจะเปลี่ยนไปหาใคร
ให้คนอื่นทำก็ได้ แต่ให้เราทำแล้วดีกว่า สบายใจกว่า ถูกใจกว่า
นั่นล่ะ "คุณค่า" ของเรา
เราต้องเป็นมากกว่าพนักงาน
เราต้องเป็นมากกว่าคนรับจ้างทำของ
เราต้องเป็นมากกว่าคนขายสินค้า
อะไรคือสิ่งที่เราทำให้ผู้อื่นมากกว่าแค่ประโยชน์ใช้สอยพื้นฐาน?
คำถามนี้ผมว่าสำคัญ ต้องตีให้แตก และต้องตอบให้โดน
ถ้าตอบได้ชัดเจน
ก็พบกันที่ความสำเร็จครับ