บริษัท เพรซิเดนท์ไรซ์โปรดักส์ จำกัด (มหาชน) หรือ PR และบริษัท ไทยเพรซิเดนท์ฟูดส์ จำกัด (มหาชน) หรือ PR ขอให้ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) สั่งห้ามการซื้อหรือขายหลักทรัพย์ของบริษัทเป็นการชั่วคราวเป็นระยะเวลา 8 วันทำการตั้งแต่วันที่ 5 ตุลาคม 2560 ถึง 17 ตุลาคม 2560 เพื่อเตรียมการเกี่ยวกับการจัดสรสรรหุ้นของบริษัทใหม่ให้แก่ผู้ถือหุ้นของ TF และ PR

 

รวมถึงการดำเนินการต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนเพื่อให้สามารถดำเนินการต่างๆ เกี่ยวกับการนำหลักทรัพย์ของบริษัทใหม่เข้าเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์

 

โดยบริษัทใหม่จะมีทุนจดทะเบียน 329,704,014 บาท ซึ่งเท่ากับทุนชำระแล้วทั้งหมดของ TF กับ PR รวมกันและจะจัดสรรหุ้นของบริษัทใหม่ 329,704,014 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท ให้แก่ผู้ถือหุ้นของ TF และ PR ที่มีชื่อปรากฏอยู่ในสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้นของ TF และผู้ถือหุ้นของ PR ณ วันกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้น (Record Date) ที่มีสิทธิ ได้รับการจัดสรรหุ้นของบริษัทใหม่ คือวันที่ 9 ต.ค.60 และให้รวบรวมรายชื่อ ตามมาตรา 225 ของพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 (รวมทั้งได้แก้ไขเพิ่มเติม)

 

 โดยวิธีการปิดสมุดทะเบียนในวันที่ 10 ต.ค.60 เพื่อรวบรวมรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิในการได้รับการจัดสรรหุ้นของบริษัทใหม่ บริษัทใหม่จะจัดสรรหุ้นของบริษัทใหม่ให้แก่ผู้ถือหุ้นของ TF และ PR ใน อัตราส่วน 1 หุ้นเดิม TF ต่อ 1.47927562 หุ้นในบริษัทใหม่ และ 1 หุ้นเดิมใน PR ต่อ 0.42373214 หุ้นในบริษัทใหม่

 

 

นายพจน์ พะเนียงเวทย์ กรรมการผู้อำนวยการ บมจ. บริษัท ไทยเพรซิเดนท์ฟูดส์ จำกัด (มหาชน)(TF) คาดว่าการควบรวมกับ บมจ.บริษัท เพรซิเดนท์ไรซ์โปรดักส์ จำกัด (มหาชน) (PR) เป็นบริษัทใหม่นั้น จะกลายเป็นบริษัทหลัก (Flagship Company) ในเครือสหพัฒน์ ที่ประกอบธุรกิจหลักด้านอาหาร 

 

ทั้งนี้ การควบรวมธุรกิจจะส่งผลดีต่อความเข้มแข็งทั้ง PR และบมจ.เพรซิเดนท์ เบเกอรี่ (PB) ที่จะเป็นฐานให้ TF ขยายตัวขึ้นมาก ซึ่งปัจจุบันบริษัทยังคงรักษาระดับมาร์เก็ตแชร์ไว้ที่ 50% ของตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ขณะที่หลังการควบรวมแล้วบริษัทใหม่จะถือหุ้นใน PB ราว 51%

 

นอกจากนี้บริษัทวางเป้าหมายยอดขายภายใน 10 ปี (ปี 58-67) จะเติบโตแตะ 30,000 ล้านบาท ซึ่งจะมาจากรายได้จากต่างประเทศ 10,000 ล้านบาท ,ในประเทศ 10,000 ล้านบาท และมาจาก PB ราว 10,000 ล้านบาท ขณะที่ปัจจุบันบริษัทมีสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศอยู่ที่ 20-25% และในประเทศ 75-85% โดยคาดหวังจะมีสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศขยับขึ้นเป็น 30-40% ในอนาคต ซึ่งบริษัทมีแผนกระจายสินค้าไปยังต่างประเทศอย่างน้อย 3 ประเทศต่อปี

 

StockRadars ข้อมูลลักษณะธุรกิจหุ้น TF (2/10/17)

 

ด้านนายพันธ์ พะเนียงเวทย์ กรรมการผู้จัดการ ของ PR กล่าวว่า ภายหลังการควบรวมบริษัท จะส่งผลให้ PR กลายเป็นพอร์ตสินค้าหนึ่งของ TF ซึ่งจะส่งผลดีในด้านของเงินลงทุน จากเดิมที่ PR มีการใช้วงเงินลงทุนได้ค่อนข้างจำกัด โดยบริษัทตั้งเป้าสิ้นปีนี้จะมีมาร์เก็ตแชร์ของผลิตภัณฑ์โจ๊กกึ่งสำเร็จรูป และข้าวต้มกึ่งสำเร็จรูป เพิ่มขึ้นเป็น 10% ในสิ้นปีนี้ จากเดิมอยู่ที่ 7-8%

 

"ภายหลังการควบรวมจะส่งผลดีต่อเราอย่างมากในด้านเงินลงทุน เราเชื่อว่าจะสามารถขยายตลาด และออก product ใหม่ ๆ ได้มากขึ้น รวมถึงเพิ่มศักยภาพได้อย่างแน่นอน" นายพันธ์ กล่าว

 

StockRadars ข้อมูลลักษณะธุรกิจหุ้น PR (2/10/17)

 

ขณะที่นายเพชรรัตน์ อนันตวิชัย กรรมการและผู้จัดการอาวุโสฝ่ายบัญชีบริหารและฝ่ายการเงิน ของ PB กล่าวว่า บริษัทยังคงมุ่งเน้นการเติบโตในทุกด้าน จากการออกผลิตภัณฑ์ใหม่อย่างต่อเนื่องราว 10 สินค้าต่อปี ซึ่งในครึ่งปีแรกที่ผ่านมาบริษัทได้ออกผลิตภัณฑ์ใหม่ไปแล้วจำนวน 7 สินค้า ขณะเดียวกันบริษัทยังคงขยายตลาดไปยังโมเดิร์นเทรด และร้านค้าต่าง ๆ เพิ่มมากขึ้น รวมถึงปรับปรุงประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์ โดยคาดว่ายอดขายปีนี้ก็จะยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากเดิมที่ยอดขายมีอัตราการเติบโตเฉลี่ย 5-8% ต่อปี

 

StockRadars ข้อมูลลักษณะธุรกิจหุ้น PB (2/10/17)

 

ที่มา : https://www.kaohoon.com/content/193174 , http://www.ryt9.com/s/iq05/2672680