เป็นเรื่องที่ฮือฮาอย่างมากกับการที่ Yum Restaurants (ประเทศไทย) ได้ประกาศขายร้านไก่ทอดชื่อดัง 240 สาขา อย่าง KFC ให้กับกลุ่มไทยเบฟ มูลค่าดีลมากกว่า 1.13 หมื่นล้านบาท
ก่อนหน้านั้นไม่นาน Yum Restaurants (ประเทศไทย) ก็ได้ขายร้าน Pizza Hut ที่มีสาขาอยู่ในประเทศไทยให้กับ TTA หรือตระกูลมหากิจศิริ เกิดอะไรขึ้นกับเหตุการณ์ครั้งนี้ ทาง Yum Restaurants (ประเทศไทย) ได้แต่เพียงบอกว่าเป็นนโยบายของบริษัทแม่ และยังมีแผนขายร้านอาหารที่ดำเนินงานเองทั้งหมดออกไป จะดำเนินงานเฉพาะพัฒนาตัวผลิตภัณฑ์และเป็นเจ้าของแบรนด์เท่านั้น
เครดิตภาพจาก : www.slideshare.net
Yum Brands Inc. บริษัทเจ้าของเฟรนไชส์ร้านอาหารชื่อดังอย่าง KFC, Pizza Hut, และ Taco Bell ซึ่งอยู่ภายใต้การบริหารมากกว่าหนึ่งหมื่นสาขาทั่วโลก เมื่อไม่นานมานี้บริษัทแม่ได้ประกาศเป้าหมายเอาไว้ว่าจะลดสาขาที่ทาง Yum Brands บริหารเองให้น้อยกว่า 1000 ร้าน และจะเพิ่มร้านเป็นแบบเฟรนไชส์จาก 77% ให้ไม่น้อบกว่า 98% ในปี 2018
Greg Creed ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Yum ได้กล่าวในงานประชุมนักวิเคราะห์ไว้ว่า "พวกเรากำลังมองไปในระยะยาวและตั้งเป้าที่การเติบโตแบบยั่งยืน โดยพวกเราจะเน้นไปที่การขายเฟรนไชส์อย่างเดียวเท่านั้น และจะไม่ลงทุนสาขาเพิ่ม ... "
"การลงทุนเปิดสาขาเองจะช่วยลดความเสี่ยงจากการกู้เงินมาลงทุนเพิ่ม ลดจำนวนพนักงานที่เราต้องรับผิดชอบ บริษัทต้องการเป็นผู้นำทางการคิดและวางแผนการตลาดเท่านั้น ทางฝ่ายวิเคราะห์ตลาดของเราวิเคราะห์ไว้ว่า ถ้าเราไม่เปิดสาขาเพิ่ม เราจะประหยัดเงินรายจ่ายได้มากถึง 500 ล้านเหรียญสหรัฐในปี 2019 ... เราคิดไว้ว่านี้คือกลยุทธ์การเติบโตสูงแต่ความเสี่ยงต่ำ พูดง่ายๆคือ เราเป็นผู้วางแผนทางการตลาด ออกผลิตภัณฑ์ใหม่และโยนนโยบายให้เฟรนไชส์ซี่เป็นผู้กระทำ"
เรื่องนี้เห็นได้อย่างชัดเจน คือ การที่ Yum Brands ได้ประกาศขายร้าน KFC สาขาที่จีนแผ่นดินใหญ่ ให้กับมหาเศรษฐีแดนมังกรอย่าง Jack Ma ซึ่งทาง Yum Brands ออกมาบอกว่า ร้าน KFC ที่ประเทศจีนเป็นตลาดที่ใหญ่และสร้างรายได้ให้กับเรามากถึง 8 พันล้านเหรียญสหรัฐ อีกทั้งยอดขายต่อสาขาก็ลดลงเพียง 1% เท่านั้นถือว่าลดน้อยมากเมื่อเทียบกับแบรนต่างชาติอื่นๆ
อย่างไรก็ตาม ในประเทศจีนโดยภาพรวมแล้วถือว่าออกมาดีมาก ยอดขายของ KFC เพิ่มขึ้น 4% เนื่องมาจากการเปิดสาขาอย่างต่อเนื่อง ร้าน Taco Bell มียอดขายเพิ่มขึ้น 3% ในขณะที่ร้าน Pizza Hut มียอดขายลดลง 1% ในไตรมาส 3 ที่ผ่านมา
ทาง Yum Brands Inc. คาดการณ์ว่า ยอดขายต่อสาขาทั่วโลกจะเพิ่มขึ้น 2% ในปี 2016
สรุปแล้วทางนโยบายของบริษัทแม่อย่าง Yum Brands Inc. ต้องการปรับโครงสร้างทางธุรกิจใหม่ โดยจะเน้นไปที่การทำการตลาด และออกผลิตภัณฑ์ รายได้หลักของบริษัทคือการเก็บค่าเฟรนไชส์ ไม่เน้นไปที่การเปิดร้านอาหารเองเพื่อประหยัดต้นทุน ลดความเสี่ยง ลดค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับสาขาแลพนักงานลง นี้อถือว่าเป็นกลยุทธ์ของบริษัทที่ไดชื่อว่าเป็นบริษัทระดับโลกย่อมไม่ธรรมดา แต่ผลลัพธ์จะเป็นอย่างไรนั้น เรายังคงต้องจับตาดูกันต่อไปครับ ...
----------------------
เขียนโดย SiTh LoRd PaCk
ข้อมูลอ้างอิงจาก USA Today