ศึกชิงน้ำผลไม้ TIPCO VS. MALEE ตัวไหนมูลค่าถูกกว่ากัน ?
ที่มาภาพ : www.brandbuffet.in.th
น้ำผลไม้เป็นเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ ซึ่งทุกวันนี้คงไม่มีใครปฏิเสธได้ว่าเทรนรักสุขภาพของคนรุ่นใหม่ ซึ่งกำลังจะเป็นเมกะเทรนด์ต่อไปในอนาคต วัยรุ่นหันมาใส่ใจสุขภาพมากขึ้น สำหรับบางคนอาจจะไม่ชอบบริโภคโปรตีนผงหรือเครื่องดื่มประเภท"ฟังก์ชั่นนอลดริ๊งค์ (Functional Drink)" แต่หันมาบริโภคน้ำผลไม้ที่ไม่ใส่น้ำตาลแทน ดังนั้น ผลไม้จะเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่เราจะมองข้ามไม่ได้เลย
บริษัทที่ทำน้ำผลไม้และมีการซื้อขายอยู่ในตลาดหลักทรัพย์คงจะหนีไม่พ้นอยู่ 2 บริษัท นั้นคือ "MALEE และ TIPCO" ซึ่ง 2 บริษัทนี้แข่งขันกันมาอย่างยาวนาน
- TIPCO อาจจะเป็นหุ้นที่ไม่ค่อยจะมีสภาพคล่องมากนัก ในอดีตและมีข่าวเรื่องเจ้าสัวเจริญจะเข้ามาเทคโอเวอร์ ทำให้ราคาหุ้นหวือหวาอยู่ช่วงระยะเวลาหนึ่ง
- ในขณะที่ MALEE เคยขาดทุนสะสมหลักพันล้าน ส่วนผู้ถือหุ้นติดลบจนหยุดซื้อขาย แล้วกลับเข้ามาเทรดใหม่อีกครั้งพร้อมกับกำไรที่เติบโตมากถึง 100% กลายเป็นหุ้นโตเร็ว ราคาหุ้นหวือหวา แต่ปัจจุบันก็ลดความร้อนแรงลงไปแล้ว
ส่วนแบ่งการตลาดน้ำผลไม้ระดับพรีเมี่ยม UHT และพาสเจอร์ไรซ์ในปี 2559
ที่มาภาพ : รายงานประจำปี TIPCO ปี 2559
ศึกชิงตลาดน้ำผลไม้เป็นตลาดที่แข่งขันกันอย่างสมบูรณ์ ดูจากรูปลักษณ์ภายนอกก็แทบจะไม่ต่างกันมากนัก ราคาก็ใกล้เคียงกัน ผลไม้ก็เหมือนๆกัน อาจจะไม่มีอะไรแตกต่าง แต่สำหรับบางคนที่เป็นคอน้ำผลไม้จริงๆ อาจจะบอกว่าน้ำผลไม้ของเจ้านี้อร่อยกว่าเจ้านี้นั้นก็เป็นเรื่องของส่วนบุคคล
แต่ถ้ามองจากมุมมองของนักลงทุนแล้วก็แทบจะไม่มีอะไรต่างกัน อาจจะต่างกันตรงที่บริษัทมีแตกไลน์สินค้าที่แตกต่างออกไป เช่น TIPCO มีหน้าร้านขายน้ำผลไม้เป็นของตัวเอง เป็นร้านผลไม้ปั่น มีการทำน้ำแร่ "ออร่า" เป็นต้น
ในขณะที่ MALEE ไม่มีหน้าร้านเป็นของตัวเอง แต่ใช้วิธีรับจ้างผลิตให้กับบริษัทต่างๆ เช่น นม UHT และพาสเจอร์ไรซ์ของ "ฟาร์มโชคชัย" การแตกไลน์ผลิตภัณธ์ที่มาจากมะพร้าว เช่นมะพร้าวน้ำหอม ที่อีกค่ายไม่มี
สำหรับนักลงทุนที่ต้องการเข้าใจพื้นฐานเพิ่มเติม และอาณาจักรของทั้งสองบริษัท ดูได้ที่นี้ครับ : “ทิปโก้ – มาลี” รุกธุรกิจอาหาร-เครื่องดื่มสุขภาพ ก้าวใหญ่ที่เป็นมากกว่าน้ำผลไม้
อย่างไรก็ตาม ในฐานะนักลงทุนเราจำเป็นต้องลองเทียบ Valuation ของ 2 บริษัทว่ามีความแตกต่างมากน้อยเพียงใด หุ้นตัวไหนแพงกว่ากัน และหุ้นตัวไหนเหมาะแก่การลงทุนระยะยาวมากกว่า
ส่วนเปรียบเทียบและอัตราส่วนทางการเงินสำคัญระหว่าง TIPCO และ MALEE
ขอบคุณข้อมูลจาก : ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
สินทรัพย์รวมของทั้ง 2 บริษัท TIPCO จะมีขนาดใหญ่กว่า MALEE และมีหนี้สินต่อทุนที่ต่ำกว่า นั้นแสดงว่า TIPCO ยังสามารถกู้เงินเพื่อมาขยายการลงทุนได้อีก ในขณะที่ MALEE สัดส่วน D/E 1.4 เท่า แต่ก็ไม่ได้มากมายอะไรนักเมื่อมองจากภาพร่วม
ถึงแม้ว่า MALEE จะเป็นบริษัทที่เล็กกว่า แต่สามารถทำกำไรได้ดีกว่า TIPCO นั้นหมายถึงมีศักยภาพมากกว่านั้นเอง
- รายได้ของ TIPCO ประมาณ 6.1 พันล้าน ในขณะที่ รายได้ของ MALEE ประมาณ 6.5 พันล้าน
- ผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้น ROE ของ MALEE ก็ดีกว่าของ TIPCO
จึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไม นักลงทุนจึงยอมให้ค่าพรีเมียม P/E ratio ของ MALEE ดีกว่าของ TIPCO
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้รายได้ของทั้ง 2 บริษัทจะใกล้คียงกัน แต่กำไรสุทธิของ TIPCO กลับออกมาดีกว่า MALEE
อาจจะเป็นเพราะว่า TIPCO มี Net Margin ที่ดีกว่า (TIPCO มี Net Margin หรืออัตรากำไรสุทธิ 19% ในขณะที่ MALEE มี Net Margin 6%) นอกจากนี้ TIPCO มีศักยภาพในการควบคุมต้นทุนได้ดีกว่า MALEE นั้นเอง นั้นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมรายได้เท่ากัน แต่กำไรสุทธิจึงแตกต่างกัน ....
P/BV ratio ของทั้ง 2 บริษัทแตกต่างกัน ซึ่งถ้าดูจากตรงนี้แล้ว MALEE ถือว่าแพงกว่า 6 เท่า เมื่อเทียบกับของ TIPCO ที่มี P/Bv เกือบแตะ 2 เท่า การปันผลของทั้ง 2 บริษัทใกล้เคียงกัน นั้นคือประมาณ 2.3 - 2.4%
เมื่อมองผิวเพินแล้วดูเหมือนว่า MALEE จะมี Valuation ที่สูงกว่า TIPCO ไม่ว่าจะเทียบจากค่า P/E ratio และ P/BV ratio รวมถึงการปันผลด้วยก็ใกล้เคียงกัน แต่งานที่นักลงทุนต้องทำต่อ คือ Growth ของบริษัทเป็นอย่างไรย้อนหลังไป 3-4 ปี มีการเติบโตหรือไม่ ถ้าบริษัทมีการเติบโตที่สูง นักลงทุนก็จะยอมให้ค่าพรีเมี่ยมกับตัวหุ้นพอสมควร อีกทั้งต้องมองไปข้างหน้าด้วยว่าบริษัทมีแนวโน้มจะทำอย่างไรต่อไป เราซึ่งเป็นผู้ลงทุนยอมจ่าย ณ ระดับราคานี้หรือเปล่า ...
--------------------
เขียนโดย SiTh LoRd PaCk
หมายเหตุ : ข้อมูลในนี้เป็นข้อมูลไว้ใช้ในการประกอบการตัดสินใจลงทุนเท่านั้น เป็นทัศนะความคิดส่วนตัวของผู้เขียนเอง มิได้มีวัตถุประสงค์เชิญชวนหรือชี้นำหลักทรัพย์โดยเฉพาะแต่อย่างใด โดยที่ข้อมูลนี้สามารถเปลี่ยนแปลงได้ภายหลังวันดังกล่าวนี้