#ข่าวหุ้นธุรกิจการลงทุน

SET กับ 5 เหตุการณ์เขย่าโลกในอดีต

โดย ดร. ณภัทร จาตุศรีพิทักษ์
เผยแพร่:
629 views

SET กับ 5 เหตุการณ์เขย่าโลกในอดีต

ในโลกที่มีการเชื่อมต่อของระบบเศรษฐกิจและระบบการเงินมากขึ้นเรื่อยๆ นั้น ไม่มีตลาดหุ้นไหนที่สามารถหลีกเลี่ยงผลกระทบจากเหตุการณ์เขย่าโลกได้

ในบทความนี้ผู้เขียนได้นำข้อมูลตลาดหุ้นรายวันมาแสดงให้เห็นภาพว่าในช่วง 5 เหตุการณ์เขย่าโลกต่อไปนี้  เกิดอะไรกับตลาดหุ้นไทยบ้าง  

 

ทุกกราฟต่อไปนี้แท่งสีน้ำเงินแสดงให้เห็นถึงอัตราผลตอบแทน SET รายวันในวันที่เกิดเหตุการณ์ ส่วนแท่งถัดๆ ไปทางซ้ายและขวาแสดงถึงผลตอบแทนในวันก่อนและหลังเหตุการณ์นั้นๆ ไปดูกันเลยครับ 

 

1.Black Monday (19 ต.ค. 2530)

วันจันทร์ทมิฬ หรือ ที่เรียกกันอย่างแพร่หลายว่า “Black Monday” นั้นเป็นวันที่เราได้เห็นว่าการตกลงของตลาดหลักทรัพย์ในประเทศหนึ่งสามารถลุกลามไปสู่ตลาดหลักทรัพย์ในประเทศอื่นๆ ได้ในระวะเวลาอันสั้น  โดยเริ่มตกลงในฮ่องกงก่อน จากนั้นก็แพร่จนไปถึงทวีปยุโรป  จากภาพด้านบนจะเห็นได้ว่า อยู่ดีๆ อัตราผลตอบแทน SET รายวันร่วงลงอย่างฉับพลันรุนแรงและอยู่ค้างยาวไปเกือบถึงหนึ่งอาทิตย์ 

 

2. วันที่ค่าเงินบาทถูกโจมตีอย่างหนัก (14 พ.ค. 2540)

เหตุการณ์เขย่าโลกครั้งนี้เราเองเป็นเจ้าภาพ และถูกเรียกกันอย่างติดปากว่า “วิกฤตต้มยำกุ้ง”  ที่จริงแล้ว Hedge Funds เริ่มโจมตีค่าเงินบาทตั้งแต่ต้นปี 2540 แล้ว แต่ช่วงวันที่ 11 ถึง 14 พ.ค. ถือเป็นวันที่ “พีค” ที่สุดในการโจมตีค่าเงินบาท โดยรวมแล้วในวันนั้นมีเงินทั่วโลกรวมกันกว่า 1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ที่ทำ short position กับเงินบาท

 

3. วันที่เงินบาทลอยตัว (2 ก.ค. 2540)

ในที่สุดเงินบาทก็ต้องถูกปล่อยให้ลอยตัวในวันที่ 2 ก.ค. 2540  คำว่า “เงินบาทลอยตัว”อาจมีมลทินในสายตาคนไทยหลายคน  แต่ในทฤษฎีเศรษฐศาสตร์แล้วมันคือการสะท้อนความเป็นจริงของค่าเงินบาท และดูเหมือนว่าตลาดรับการลอยตัวนี้เป็นข่าวดี

 

4. วินาศกรรม 9/11 (9 พ.ย. 2544)

ในประวัติศาสตร์การเงินสมัยใหม่คงไม่มีเหตุการณ์ไหนเขย่าโลกเท่ากับวินาศกรรม 9/11 แล้ว  ซึ่งมีการจี้เครื่องบินกว่า 4 ลำในสหรัฐฯ เพื่อโจมตีสถานที่ที่เป็นหัวใจของสหรัฐฯ  หนึ่งในนั้นก็คืออาคารเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ในนครนิวยอร์ก 

เนื่องจากเหตุการณ์นี้เป็นสิ่งที่เหนือความคาดคิด ไม่มีการ priced in ล่วงหน้าได้เหมือนการคาดหวังว่า Fed จะขึ้นหรือลดดอกเบี้ยในช่วง QE  จึงเกิดการช๊อคต่อตลาดหลักทรัพย์ทั่วโลกที่เปิดในวันถัดมา (ตลาดหลักทรัพย์อเมริกันปิดทำการยาวไปถึงวันที่ 17 พ.ย)  SET เองก็ได้รับอานิสงส์เช่นกัน  ที่น่าสนใจคือผลตอบแทน SET รายวัน ในวันถัดมาร่วง 6.7% เกือบเท่ากับ ที่ NYSE ร่วง 7.1% ทั้งๆ ที่ไม่ได้มีเครื่องบินชนอาคารใดๆ ในประเทศไทยเลย 

 

5. Bloody Friday (24 ต.ค. 2549)

Bloody Friday เป็นวันที่มีการเทขายในตลาดหลักทรัพย์หลายแห่งทั่วโลก (วันเดียวไม่ต่ำกว่า 9% ในญี่ปุ่น เกาหลี และอินเดีย) เนื่องจากนักลงทุนเริ่มรู้สึกถึงความน่ากลัวของวิกฤต The Great Recession หลังจากการล่มสลายชอง Lehman Brothers และการที่ Fed ต้องเข้าไปอุ้มบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง AIG  

 

จากการสำรวจ 5 เหตุการณ์เหล่านี้แล้ว จะเห็นได้ว่าสภาวะของตลาดหลักทรัพย์มีความอ่อนไหวต่อเหตุการณ์ในแต่ละชั่วขณะค่อนข้างมาก ถึงขั้นที่ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในดินแดนอันไกลโพ้นสามารถกระทบราคาสินทรัพย์ในบ้านเราได้ภายในชั่วข้ามคืน

 

บทเรียนสำคัญคือเหตุการณ์ที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับ fundamentals ของตลาดโดยตรง ต่อให้มันจะเขย่าโลกเขย่าขวัญสักแค่ไหน ตลาดหลักทรัพย์จะยังกลับมาคึกคักใหม่ได้หลังจากความกลัวซาลง  ที่ชาวอเมริกันเคยรู้สึกว่าทุกอย่างกำลังจะจบหลังจากที่เห็นตึกเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ถล่มต่อตา ตลาดเขากลับมาคืนชีพได้ภายในแค่ 1 เดือน  แต่ SET จะกลับไปสู่ภาวะก่อนปี 40 ได้หรือไม่ คงต้องดูกันต่อไป

 

ติดตามบทวิเคราะห์จากมุมมองเศรษฐศาสตร์ที่เข้าใจง่ายได้ที่ www.settakid.com  ครับ


ผู้เขียนเป็นเจ้าของเว็บไซต์ settakid.com ที่วิเคราะห์ประเด็นเปลี่ยนโลกผ่านมุมมองเศรษฐศาสตร์แบบเข้าใจง่ายๆ  คุณ ณภัทร จบปริญญาตรีและโทจากมหาวิทยาลัยคอร์เนลและจอนส์ ฮอปกินส์ เคยมีประสบการณ์ทำวิจัยที่มหาวิทยาลัยฮาวาร์ดและธนาคารโลก และสำเร็จการศึกษาปริญญาเอกสาขาเศรษฐศาสตร์ประยุกต์อยู่ที่มหาวิทยาลัยมินนิโซต้า เป็นนักเขียนรับเชิญของ stock2morrow และเป็นคอลัมนิสต์ประจำสำนักข่าวออนไลน์ไทยพับลิก้า

Facebook

บทความอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง