บทเรียนความอัปยศของวงการ Block Trade
ผมคงสามารถที่จะเขียนบทความนี้ได้ เพราะผมเป็นคนที่เคยกำไรจาก block trade มาหลายสิบล้าน และก็ขาดทุนจาก block trade นี่ล่ะ ไปหลายสิบล้านเช่นเดียวกัน ด้วยความกระหยิ่มว่า SSF Block Trade นี่มันเล่นง่ายเหลือเกิน ถึงแม้ SSF จะไม่มีสภาพคล่อง ก็สามารถให้โบรกเป็นคนซื้อหุ้นแทนได้ แต่ที่ไหนได้ จุดจบมันก็แสนขมขื่น
หุ้นที่ผมยกย่องว่า "คนทำหุ้น" สามารถใช้ SSF Block Trade ในการกอบโกยกำไรเข้าตัวเองได้อย่างมหาศาล มีเพียง 2 ตัวเท่านั้นที่เห็นกันบ่อยๆ ก็คือ JAS กับ TPIPL โดยคนที่เป็นคนเก็บ block trade จะ "ไม่ขาดทุน" จากการทำธุรกรรมนี้เป็นอันขาด เพราะเขาจะต้องอยู่ในสถานะที่สามารถ "ควบคุมหุ้นได้"
แต่ EARTH นับว่าเป็นการทำเสียสถาบัน Block Trade และสร้างความอัปยศให้กับวงการ Block Trade อย่างมาก เมื่อ "ผู้ที่ไม่ควรขาดทุน" กลับเป็นผู้ถูก force sell หรือบังคับขายเสียเอง รายงานการขายหุ้นของผู้บริหารชี้แจงอย่างเป็นทางการออกมาแล้ว ไปหาดูรายชื่อกันเอาเอง
เรื่องนี้น่าจะเป็นบทเรียนให้กับผู้ที่คิดว่า Block Trade นั้นเล่นง่าย เป็นเครื่องมือทำกำไรได้อย่างดี เพราะเป็นการซื้อขาย SSF ที่มี leverage สูงราว 10 เท่า
ในฐานะที่ผมเรียนด้านการเงินมา ผมไม่เคยกล่าวร้ายกับสินค้าชนิดใดในตลาดว่ามันไม่ดี เพราะสินค้าแต่ละชนิดก็มีข้อดีและข้อเสียของมันเอง สิ่งที่เกิดขึ้นกับ EARTH เป็นเครื่องการันตีได้อย่างดีว่า การเล่น SSF ไม่ว่าจะผ่านการทำ block trade หรือเป็นการซื้อในกระดาน ก็มี "ความเสี่ยง" อย่างมาก หากเรา "ไม่ศึกษาอย่างจริงจัง"
คำว่า "ศึกษา" ไม่ใช่ศึกษาแค่ว่า มันดีกว่าสินค้าประเภทอื่นตรงไหน มันทำกำไรได้มากกว่าหุ้นปกติมากแค่ไหน แต่สิ่งที่ต้องศึกษาให้ละเอียดลึกซึ้งก็คือ ข้อจำกัดและความเสี่ยงของการเล่นตราสารชนิดนี้ ซึ่งเป็นตราสารที่ให้ leverage สูงมาก ซึ่งนักลงทุนจะต้องให้ความระมัดระวังอย่างมากในการเล่น และต้องให้ความสำคัญกับเรื่องของ money management มาเป็นอันดับแรก
คำกล่าวที่ว่า การเล่น SSF นั้นใช้เงินเพียงแค่นิดเดียวก็ทำกำไรได้มหาศาลนั้นถูกต้อง แต่มองมุมกลับ เวลาขาดทุน ก็ขาดทุนได้อย่างมหาศาล และนอกจากนั้น แม้การเล่น SSF จะใช้เงินเพียงน้อยนิด แต่ไม่ได้หมายความว่า "คนที่มีเงินเพียงน้อยนิดจะหาญกล้ามาเล่น SSF ได้"
เงินที่คุณใช้เปิดสัญญา SSF นั้น ไม่ใช่เงินที่ "จ่ายไปครั้งเดียว" เพื่อให้ได้สัญญามา แต่มันเป็นเพียง "เงินวางหลักประกัน" ที่ต้องวางไว้กับโบรกเกอร์เพื่อเปิดสัญญา หากคุณกำไร คุณก็ถอนส่วนที่เกินกว่าหลักประกันออกไปได้ แต่หากคุณขาดทุน ไม่ใช่ว่า คุณลงเงิน 10000 แล้วจะขาดทุนแค่ 10000 บาท เพราะเงินส่วนนี้เป็นเพียง "เงินวางหลักประกัน"
นักลงทุนยังมีหน้าที่ที่จะต้อง "เติมเงินวางหลักประกัน" ให้กลับมาสู่เกณฑ์ที่ตลาดกำหนดเอาไว้ และยิ่งราคาหุ้นไปผิดทางเรื่อยๆ นักลงทุนก็ต้อง "เติมเรื่อยๆ" เรียกได้ว่า "เติมกันจนไม่รู้จักจบสิ้น" จนกว่าคุณจะตัดสินใจ ปิดสัญญาทิ้ง จะเป็นการหยุดขาดทุนอย่างแท้จริง
นอกจากเติมเงินแล้ว หากราคาหุ้นปรับตัวลงมาถึงระดับที่ลึกมากจนทำให้หลักประกันลงมาต่ำถึงจุดสุดท้ายที่โบรกยอมรับได้ โบรกจะ "บังคับปิดสัญญา" ทันที เพื่อจำกัดการขาดทุนให้หยุดอยู่แค่ตรงนั้น แต่มันก็มีกรณีที่เลวร้ายก็คือ เมื่อบังคับปิดสัญญาแล้ว เงินที่วางหลักประกันไว้ก็ยังไม่เพียงพอกับการขาดทุนที่เกิดขึ้น นักลงทุนคนนั้นจะต้อง "เป็นหนี้" โบรกเกอร์อีกด้วย
ดังที่เกิดขึ้นกับ EARTH
การคิดจะเป็นคนคุมเกมการเล่น SSF Block Trade นั้น ต้องมีการวางแผนมาอย่างดี อย่างที่เกิดขึ้นกับ JAS หรือ TPIPL ผู้ที่ประสบความสำเร็จจะต้องสามารถคุมจำนวนหุ้นที่หมุนเวียนได้ และรู้ว่าจะใช้ Block Trade ในปริมาณมากขนาดไหนเพื่อทำกำไร หากเราสามารถควบคุมจำนวนหุ้นได้ ทุกอย่างจะเป็นงานสบาย
การเล่น SSF Block Trade ของ JAS จึงจำกัดอยู่เพียงราว 3 แสนสัญญาเท่านั้น ไม่มากกว่านั้น เพราะคนที่ทำรู้ความเสี่ยงเป็นอย่างดี และแม้จะกำไรไปมหาศาลขนาดไหน การทำกำไรในรอบถัดๆไป ก็จะไม่เปิดสัญญา block trade เพิ่มกว่าเดิม เพราะอะไร?
เพราะจุดมุ่งหมายไม่ได้อยู่ที่ "กำไร" แต่จุดที่ต้องให้ความสำคัญมากกว่าคือ "ปริมาณหุ้นที่ควบคุมอยู่"
เช่นเดียวกันกับ TPIPL ที่ปริมาณการเปิดสัญญา ก็จะอยู่ประมาณเดียวกันทุกรอบ ไม่ได้เล่นมากกว่านั้น
แต่สำหรับ EARTH ผู้ที่เข้ามาเปิดสัญญานั้น คิดตั้งต้นเพียงแค่ว่า จะใช้ Block Trade เป็นเครื่องมือในการใช้ leverage คือเพิ่มอำนาจซื้อของตัวเอง ทดแทนการใช้บัญชีมาร์จิ้น เพราะบางโบรกไม่ให้ซื้อ EARTH ในบัญชีมาร์จิ้น หรือไม่ก็ต้องการได้อำนาจซื้อมากกว่าการใช้บัญชีมาร์จิ้น
ที่สำคัญก็คือ คนที่เปิดสัญญา Block Trade นั้น ไม่ได้มีหุ้นมากพอที่จะ "ควบคุม" การเคลื่อนไหวของราคาหุ้นได้ เหมือนกับที่เกิดขึ้นกับ JAS และ TPIPL เพราะก่อนหน้านั้น เมื่อมีการซื้อเหมืองถ่านหินกี่ครั้งก็ตามแต่ EARTH ใช้วิธีออกหุ้นเพิ่มทุนเพื่อแลกหุ้นตลอด
นั่นหมายความว่า หุ้น EARTH นั้น มีการกระจายออกไปยังคนอื่นมาก และทำให้การเก็บ EARTH ผ่านการทำ block trade เพียงแค่ราว 100000 สัญญา หรือ 100 ล้านหุ้น มันไม่ได้มากพอที่จะรับประกันได้ว่า คนเล่นจะ "ไม่ขาดทุน" เพราะไม่สามารถคุมหุ้นได้ (จำนวนหุ้น EARTH มีหลายพันล้านหุ้น)
ก่อนหน้านี้ EARTH เคยเปิด block trade กับโบรกเกอร์มากกว่า 1 แห่ง แต่แล้วโบรกเกอร์แห่งหนึ่งเห็นถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น จึงได้ยกเลิกการทำธุรกรรม block trade กับผู้เปิดสัญญา และให้เวลา 2 สัปดาห์ ในการย้ายธุรกรรมดังกล่าวไปยังโบรกเกอร์แห่งอื่น หรือไม่ก็ต้องจ่ายเงินค่าหุ้นทั้งหมด ซึ่งแน่นอนว่า คนเปิด block trade ไม่สามารถหาเงินทั้งหมดมาจ่ายค่าหุ้นได้ จึงใช้วิธีโยกหุ้นไปทำ block trade กับโบรกแห่งอื่นแทน
นี่ก็เป็นความเสี่ยงอีกอย่างหนึ่งที่อาจเกิดขึ้น ในกรณีที่เราทำ block trade ปริมาณมากๆ
ผมจึงบอกได้ว่า Block Trade EARTH นั้นเป็นรายการ block ที่อัปยศที่สุด เพราะมันตลกตรงที่ว่า ผู้ที่ขาดทุนจากการทำ block trade กลับเป็นผู้ที่ "ไม่ควรจะขาดทุน"
นักลงทุนหลายคนอยากลองเข้ามาเล่น SSF block trade เพราะเห็นว่ากำไรมาก แต่ต้องพึงระวังเอาไว้ว่า นักลงทุนควรศึกษาให้รอบด้าน
ผมไม่ได้บอกว่า block trade นั้นไม่ดี มันดีตรงที่ leverage มันสูงถึง 10 เท่า และดอกเบี้ยมันก็ดูเป็นธรรม แต่นักลงทุนต้องให้ความสำคัญกับเรื่อง money management มากที่สุด
ใครที่ไม่รู้เรื่อง money management เลย ไม่ควรเข้ามาเล่น SSF หรือ ทำ block trade เป็นอันขาด เพราะความเสี่ยงสูงมาก
หากคุณใส่เงินทั้งหมดที่คุณมีมาเปิดสัญญา ราคาหุ้นปรับตัวลงเพียง 3% คุณจะถูกเรียกวางหลักประกัน และถ้าราคาหุ้นลงมาถึง 5% คุณจะถูกบังคับปิดสัญญาทันที เพราะนั่นหมายความว่า คุณจะขาดทุน 30% หรือไม่ก็ 50% แล้ว
นอกจากนั้น block trade เป็นธุรกรรมที่เรียกว่า OTC หรือ over the counter ซึ่งเป็นการตกลงกันเองระหว่างลูกค้ากับโบรกเกอร์ มีทริกมากมายที่ใช้ในการเปิดสัญญา ปิดสัญญา
เราคงเคยเห็นว่า ทำไมการทำราคา block trade มันถึงสูงหรือว่าต่ำกว่าที่ควรจะเป็น ทั้งที่เมื่อหักหรือรวมดอกเบี้ยเข้าไปแล้ว มันก็ไม่ควรจะได้ราคานั้น แต่มันก็ทำกันได้ นั่นเพราะมันเป็นการตกลงกันเอง ขอเพียงโบรกเกอร์โอเค ผู้เล่นยอมรับ อะไรก็ทำกันได้
ด้วยเหตุนี้ การทำ block trade นั้น นักลงทุนจึงควรพิจารณาปัจจัยรอบๆด้าน เมื่อมองด้านบวก "ห้ามลืมมองด้านลบ" เป็นอันขาด และหากเราไม่สามารถควบคุมหุ้นได้ เราต้องไม่ลืมว่า ปัจจุบัน block trade ถูกใช้เป็นเครื่องมือในการหาเงิน "ก้อนใหญ่" หากเขาทุบหุ้นลงมาด้วยการปิดสัญญา block trade ถ้าเงินเขาหนาพอ เขาไม่เจ๊ง แต่คนที่เจ๊งน่ะ คือ "ตัวเราเอง"