สืบเนื่องจากบทความที่แล้ว เรื่องนี้เป็นข้อเตือนที่ดีอีกข้อนึงในการใช้เงินให้เป็น 

เมื่อก่อนตลาดหลักทรัพย์เปิดแค่ครึ่งวัน มีเวลาว่าง ป๊าตัดสินใจไปสมัคร fitness โรงแรมปีละ 20,000 บาทซึ่งถือว่าแพงมาก บางวันออกกำลังกายเสร็จประมาณ 1 ทุ่ม (ป๊าขับแค่รถปิ๊กอัพไป เพื่อนๆใน fitness ขับรถสปอร์ตโก้กันหมด) เพื่อนๆขาใหญ่ก็ชวนกันกินข้าวในโรงแรมหรูนั้นกัน แต่ป๊ามักจะปฏิเสธแล้วกลับไปกินแค่เกี๊ยวน้ำหมูแดงหน้าบ้าน (ป๊าก็สามารถนั่งกินข้าวในรร.หรูได้ ซื้อรถหรูๆได้เหมือนกัน)

มีอาทิตย์นึง ป๊าอยากพาลูกสาวที่ยังเล็กอยู่ ไปเล่นน้ำในสระว่ายน้ำโรงแรมนั้น ผู้จัดการ fitness มาสกิดไหล่ป๊าแล้วพูดว่า "members only" ครับ พาลูกสาวมาว่ายน้ำไม่ได้ ป๊าเข้าใจกฎกติกานี้ แต่ใจลึกๆ มีเจ็บจี๊ดๆ เหมือนกัน

จนเหตุการณ์ผ่านมา 10 กว่าปี ที่โรงแรมเดียวกัน มีคนออกเงินซื้อ member fitness ระดับสูงสุดให้ป๊าฟรีๆ แถมผู้จัดการคนนั้นยังมาต้อนรับป๊าอย่าง VIP.....สังคมมันโหดร้ายจริงๆครับ นี่คือเรื่องจริง ตอนเราไม่มี โอกาสมันก็มีให้เราน้อย วันนึงโอกาสจะมีให้เราเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ถ้าหากเรามีประสบการณ์ มีเครดิต และเราพิสูจน์ว่าเราเป็นคนดี (และมีเงิน)

กลับไปเข้าเรื่อง...ป๊าเห็นบางคน กำไรหุ้น 7-8 ล้านบาท ซื้อนาฬิกา Patek เรือนละ 700,000 บาท  มันรีบซื้อความสุขเร็วไปไหมครับ

ความฝันของป๊าแต่ก่อนอยากมีรถแบนซ์ขับ...แต่ภรรยาบอกว่าคุณต้องมีเงินให้ได้ 100ล้าน... แล้วป๊าก็ทำได้

ความฝันป๊าอยากขยับมาเป็นรถสปอร์ต...แต่ภรรยาบอกว่าต้องมีเงินให้ได้ 300 ล้าน... ป๊าไม่คิดว่าป๊าจะทำได้...แล้วป๊าก็รอเวลา จนทำได้

พอความฝันอยากเปลี่ยนเป็นขับรถ super car...ภรรยาบอกว่าคุณต้องหาเงินสดให้ได้ 10 หลักก่อน.... ตอนขอไปป๊าไม่คิดว่าป๊าจะทำมันได้จริงๆหรอก แต่สุดท้ายป๊าก็รอ รอ รอ จนป๊าพิสูจน์ฝีมือของป๊าเองได้

ป๊ามาคิดย้อนหลัง หากป๊ารีบซื้อความสุขตั้งแต่แรก กินข้าวโรงแรมหรูตั้งแต่แรก ซื้อนาฬิกาหรูตั้งแต่แรก ซื้อรถแบนซ์ตั้งแต่มีเงิน 30ล้าน ไม่มีเป้าหมายที่ชัดเจน พฤติกรรมเหล่านี้มันทำให้เราเสพย์ความฟุ่มเฟือยมากขึ้นเรื่อยๆ และเชื่อว่าสุดท้ายป๊าคงไม่มาถึงวันนี้ ซึ่งมันไกลเกินฝันมากครับ

".....อย่าเพิ่งรีบซื้อความสุขก่อนถึงเวลา....."
.

Cr. เสี่ยยักษ์ พ่อสอนลูกลงทุน