ธุรกิจรุ่นก่อน ต้องทำอะไรที่ดูยิ่งใหญ่
ร้านใหญ่ ๆ คนงานเยอะ ๆ สต็อคสินค้าเยอะๆ ลงทุนเยอะ ๆ
ทั้งหมดอาจจะดูดีมีสตางค์ แขกไปใครมาจะได้ดูยิ่งใหญ่
แต่ใครจะรู้ว่า บางที "บรรทัดสุดท้าย" หรือ "กำไร" ในสมุดบัญชี
อาจเป็น "ตัวแดง" จนดูไม่ได้
วันก่อนผมเพิ่งได้ยินรุ่นพี่คนนึงบ่น ๆ ว่าธุรกิจที่ทำอยู่เหนื่อยมาก
ทั้งที่ภาพลักษณ์ดูดี คนเด่นคนดังมากมายมาร่วมธุรกิจ
ทำแล้วก็ได้กำไรนะครับ ไม่ใช่ไม่ได้ แต่มันได้ไม่คุ้มเหนื่อย
ต้องลงทุน ต้องติดต่อประสานงานมากมาย
คล้ายกับขี่ช้างจับตั๊กแตนไปทั่วประเทศ
กับอีกบางคนในยุคนี้ เราอาจได้ยินคนพูดกันบ่อย ๆ ว่า
มูลค่าธุรกิจของฉันเป็นสิบเป็นร้อยล้าน
ยอดขายของฉันเท่านั้นเท่านี้
แต่ลองเลียบ ๆ เคียง ๆ ถามกำไรสุทธิดูสิครับ
เขาอาจไม่อยากพูดถึง เพราะมันไม่ค่อยจะมี
เพราะในหลายครั้ง มูลค่าธุรกิจที่ว่าก็ตีราคาจากสมมติฐานว่า
ถ้าเขาขายธุรกิจทิ้งทั้งหมดจะได้เท่านั้นเท่านี้
ซึ่งในความจริง ไม่ใช่จะมามีใครมาซื้อกันง่าย ๆ
หรือบางทีก็กำไรแค่ 3-5% ของยอดขายท่านั้น
ในหนังสือ How to Succeed as a Lifestyle Entrepreneur ของ Gary Schine
เล่าถึงโลกยุคใหม่ไว้ว่าธุรกิจยุคใหม่ไม่จำเป็นต้องมีขนาดใหญ่
และผู้คนจะออกมาทำธุรกิจส่วนตัวมากขึ้น
โดยไม่ได้คำนึงกำไรสูงสุดเป็นหลัก
แต่เป็นกำไร "บรรทัดสุดท้าย" ที่เพียงพอจะทำให้เขามีชีวิตได้ตามต้องการ
โดยไม่ต้องเป็นลูกน้องใคร
ยุคนี้เราทำธุรกิจแบบนี้ได้ง่ายเหลือเกิน
เพราะอินเตอร์เน็ตได้เปลี่ยนโลกไปทั้งใบ
เมื่อทุกคนเป็นเจ้าของช่องทางได้
ที่เหลือก็คือ "ไอเดีย" แล้วล่ะครับที่เราจะต้องมาแข่งขันกัน
ตัวผมเอง หลังจากออกจากงานประจำไม่นาน
ก็ตั้งบริษัทของตัวเอง เป็นบริษัทรุ่นใหม่ที่ไม่เทอะทะ
บริษัทผมมีพนักงานประจำแค่คนเดียว คือผมเอง
นอกนั้นจ้างงานเป็นจ็อบ ๆ ไป
ผลลัพธ์คือ บริษัทขนาดเล็กที่ตั้งอยู่ที่บ้านของผม
ผมแค่เดินลงจากชั้นสองก็ถึงที่ทำงานเลย
บริษัทผลงานออกมาดี กำไรโดดเด่น
และผมคิดว่า "บรรทัดสุดท้าย" ในสมุดบัญชีนั้น
ไม่น้อยหน้าบริษัทที่ดูดีมีสไตล์ มีพนักงานเดินกันขวักไขว่
ความสำคัญจึงไม่ใช่ "บรรทัดแรก" หรือ "ยอดขาย"
ที่เรามักเอาไว้อวดใคร ๆ
แต่คือ "บรรทัดสุดท้าย" หรือ "กำไร"
ที่เรามักไม่เอาไปอวดใคร ๆ
ยุคนี้ธุรกิจไม่ต้องดูยิ่งใหญ่ แต่ต้องเรียบง่าย
และแน่นอนครับ มันยังต้องตอบโจทย์ผู้คนอยู่เหมือนครับ
ไม่ต้องแข่งกันยิ่งใหญ่เพื่อโชว์พาว
แต่ทำบรรทัดสุดท้ายให้ตอบโจทย์ธุรกิจก็พอ
ชีวิตก็ไม่ต่างกัน บรรทัดสุดท้ายนั้นสำคัญที่สุด
คุณอยากสรุปบทชีวิตของคุณว่าอย่างไร?
จากนั้นให้เอาการงานและธุรกิจมารับใช้ชีวิต
ไม่ใช่เอาชีวิตไปรับใช้ธุรกิจและการงาน
เข้าใจตรงกันนะครับ