AU ร่วงทำจุดต่ำสุดอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าไตรมาส 1/60 จะประกาศกำไร 21.7 ล้านบาท ต่ำกว่าไตรมาสเดียวกันของปีก่อนที่ 26 ล้านบาท ถึงแม้จะห่างกันไม่มาก แต่ราคาหุ้นยังแกว่งตัวทำจุดต่ำสุดใหม่เรื่อยๆ ทางด้านนักวิเคราะห์ให้ราคาที่ 14.2 บาท กำไรน่าจะเติบโตปีละ 28.32% แต่เนื่องจากว่าราคานี้ยังแพงเกินไปหรือไม่ ? เพราะ P/E ที่สูงเกือบ 70 เท่า ยังเป็นคำถามในใจของนักลงทุนอยู่
AU หรือ บริษัท อาฟเตอร์ ยู จำกัด (มหาชน) ดำเนินธุรกิจจำหน่ายขนมหวาน โดยสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท คือ
(1) ธุรกิจร้านขนมหวาน ภายใต้ชื่อ "ร้านอาฟเตอร์ ยู" และ "ร้านเมโกริ" และ (2) ธุรกิจบริการจัดงานนอกสถานที่และการรับจ้างผลิต
บริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์ เมื่อวันที่ 23/12/2559 ที่ราคา 4.5 บาท/หุ้น ด้วยพาร์ที่ 0.1 บาท
ราคาหุ้น AU ขึ้นไปทำจุดสูงสุดที่ราคา 13 บาท หลังจากที่เปิดเทรดได้ไม่นานนัก และราคาหุ้นก็ถอยลงมาอย่างต่อเนื่อง และราคาปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 7.8 บาท แม้ AU จะเป็นหุ้นในกระแสที่นักลงทุนส่วนมากรู้จัก และสามารถสร้างผลประกอบการให้ออกมาเติบโตอย่างสูง
แต่สิ่งหนึ่งที่ฉุดให้ราคาหุ้นไม่สามารถไปไหนได้ อาจเป็นเพราะมูลค่าหุ้นที่นักลงทุนบางส่วนตั้งข้อสังเกตว่า แพงเกินไปหรือไม่? ซึ่งถ้าเราเปิดดูข้อมูลจากทางตลาดหลักทรัพย์จะเห็นว่าค่า P/E ของ AU ยังคงสูงถึง 93 เท่า ในช่วงสิ้นปี 59 และเหลือเพียง 63.48 เท่า ในปัจจุบัน แต่ก็ยังถือว่าสูงอยู่ดี อีกทั้ง P/BV ก็สูงถึง 7 เท่าอีกด้วย !!
อย่างไรก็ตาม ในมุมมองของนักวิเคราะห์
จาก บล.บัวหลวง ระบุว่า คาดกำไรของ AU จะเติบโตถึง 32% ในปี 60 และ 28% ในปี 61 หนุนโดยโอกาสในการปรับกำไรขึ้นจากธุรกิจการรับจ้างผลิต แนวคิดการซื้อขนมกลับบ้าน และโอกาสที่จะเข้าซื้อกิจการใหม่ โดยเรายังคงคำแนะนำ “ซื้อ” ให้ราคาเป้าหมายที่ 14.20 บาท คิดจาก PEG ปี 60 ที่ 2 เท่า ซึ่งราคาที่สูงถือว่าเหมาะสมสำหรับแบรนด์ของบริษัท
ส่วนแนวโน้มไตรมาสแรกของปีนี้ คาดว่า AU จะมีกำไรเติบโตทั้งจากปีก่อน และจากไตรมาสก่อน จากการเปิดตัวสาขาใหม่ในครึ่งหลังปี 59 ได้แก่ เทอร์มินอล 21, ซีคอน สแควร์ และเซ็นทรัล พลาซ่า ปิ่นเกล้า คาดอัตราการเติบโตของยอดขายสาขาเดิมน่าจะเติบโตเป็นตัวเลขสองหลัก อัตรากำไรขั้นต้นที่แข็งแกร่งน่าจะยังคงทรงตัวอย่างต่อเนื่อง หนุนโดยการควบคุมต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ และโรงครัวกลางใหม่จะมีบทบาทสำคัญ
สำหรับแผนการขยายกิจการในปีนี้ ‘แม่ทัพ ต.สุวรรณ’ กรรมการผู้จัดการของ AU ตั้งเป้ารายได้รวมเติบโต 30% โดยจะขยายสาขาใหม่เพิ่มขึ้นอีก 6-7 สาขา จาก ณ สิ้นปี 59 ที่มีทั้งหมด 20 สาขา แบ่งเป็นสาขาในกรุงเทพฯ และปริมณฑล 5-6 สาขา
โดยภาพรวมแล้ว กำไรของ AU ในปีนี้ น่าจะเติบโตได้ต่ำกว่าปีก่อน หากพิจารณาจากมุมมองของนักวิเคราะห์ และจากเป้าหมายของบริษัทที่ประกาศออกมานี้ ขณะเดียวกัน ถึงแม้ว่าราคาหุ้นจะปรับตัวลดลงมาแล้ว แต่เมื่อพิจารณาจากค่า P/E ล่าสุดยังอยู่ในระดับสูงถึงประมาณเกือบ 70 เท่า ขณะเดียวกันบริษัทจ่ายปันผลออกมา 0.07 บาทต่อหุ้นสำหรับกำไรงวดปี 59 คิดเป็นอัตราเงินปันผลเพียง 0.8% เท่านั้น
นอกจากนี้ ปัจจัยหนึ่งที่อาจจะกดดันความเชื่อมั่นของนักลงทุน คือ การที่ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ตัดสินใจโยน Big lot ออกมาจำนวน 52.5 ล้านหุ้น หรือ 7.2% ของหุ้นทั้งหมด และหลังจากการขายในครั้งนั้น ก็ไม่มีนักลงทุนสถาบันรายใดถือหุ้นในบริษัทเกิน 5%
AU เป็นหนึ่งในหุ้นมหาชนที่นักลงทุนส่วนมากรู้จักกันดีอยู่แล้ว แต่ด้วยราคาหุ้นในระดับนี้ จึงน่าจับตาดูว่ากำไรสุทธิของบริษัทจะเติบโตขึ้นมาทันกับความคาดหวังหรือไม่ ? และการปรับตัวลดลงรอบนี้จะจบลงที่จุดใด นักลงทุนที่มีหุ้นอยู่คงจะต้องไปทำการบ้านกันอย่างดี
::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::
ขอบคุณแหล่งข้อมูล www.set.or.th, Efinance Thai และบทวิเคราะห์หลักทรัพย์บัวหลวง
เรียบเรียงข้อมูลโดย คนเล่นหุ้น