หากจะพูดถึงหวยหรือสลากกินแบ่งฯ นั้น เป็นเรื่องที่เราๆ ท่านๆ รู้จักกันเป็นอย่างดี อาจจะด้วยการที่คนไทยนั้นชอบเรื่องของโชคลาภ และความตื่นเต้นที่มีมาให้ได้พบเจอกันเดือนละ 2 ครั้ง (ทุกวันที่ 1 กับ 16) ในขณะที่หุ้น อาจจะเป็นเรื่องในวงจำกัดสำหรับแค่กลุ่มนักลงทุนเท่านั้น ไม่ได้แพร่หลายเหมือนหวย (กล่าวคือ มีคนเล่นหวยมากกว่าเล่นหุ้น) แต่ในเรื่องของความเสี่ยงและผลตอบแทนนั้นมีอยู่เหมือนกัน คือมีทั้งโอกาสขาดทุน และกำไร
แต่มีอยู่เรื่องหนึ่งที่หลายคนยังไม่รู้ ว่าแท้จริงแล้ว ถ้าให้เทียบกันระหว่างการซื้อหุ้นกับการซื้อหวยนั้น อะไรที่มันทำให้เราได้ตังค์มากกว่ากัน ? เริ่มกันที่หวยก่อนเลย…
คุณจะเห็นว่าการซื้อหวยในแต่ละใบ หรือแต่ละคู่นั้น คุณจะมีโอกาสถูกรางวัลอะไรก็ตามอย่างน้อย 1 รางวัลคือ 1.48% ในขณะที่โอกาสที่จะถูกหวยรับประทานนั้นมีอยู่ถึง 98.52% พูดง่ายๆ คือ “ซื้อ 100 งวด ถูกรางวัลไม่ถึง 2 ครั้ง”
ยิ่งไปกว่านั้นถ้าไปหวังรางวัลที่ 1 ที่หากถูกรางวัลจะได้เงินรางวัลใบละ 3,000,000 บาทนั้น โอกาสที่คุณจะถูกรางวัลคือ 1 ใน 1,000,000 งวด ซึ่งในหนึ่งปีมีกันให้ลุ้นอยู่ 24 งวด หรือภายในเวลา 41,667 ปี กว่าจะมีโอกาสถูกรางวัล 1 ครั้ง
ยิ่งไปกว่านั้น!!! ถ้ามีอายุยืน 40,000 ปี แล้วซื้อได้หนึ่งล้านงวดจริง คุณก็ต้องเสียเงินซื้อหวยไป 40 ล้านบาท (ใบละ 40 บาท) เพื่อให้ถูกรางวัลแค่ 3 ล้านบาท คิดเป็นผลตอบแทนจากการลงทุนคือ -92.50%
หรือถ้าไปดูรางวัลที่มีความน่าจะเป็นมากที่สุดคือ “รางวัลเลขท้าย 2 ตัว” ที่มีความน่าจะเป็นคือ 1 ใน 100 คือต้องซื้อถึง 100 งวด กว่าจะมีโอกาสถูกรางวัล 1 ครั้ง แล้วเมื่อถูกรางวัลก็จะได้เงินรางวัล 1,000 บาท แต่พอคิดกลับเป็นผลตอบแทนแล้วคุณก็ยังขาดทุนอยู่ดีที่ -75%
“โดยสรุป … ถ้าดูจากตารางด้านบน คุณควรลุ้นเลขท้าย 2 ตัวดีที่สุด … (ผ่างงง!)”
เมื่อกี้นี้ล้อเล่นนะครับ … ทีนี้ลองมาเทียบกับการลงทุนในหุ้นกัน
โดยส่วนใหญ่คนไทยมักมีค่าเฉลี่ยในการซื้อหวยอยู่ที่งวดละ 3 คู่ (6 ใบ) หรือเดือนละ 6 คู่นั่นเองครับ โดยราคามาตรฐานสากลของสลากกินแบ่งอยู่ที่ 80 บาท/คู่ หมายความว่าทุกเดือนจะเสียเงินไปซื้อหวยเดือนละ 480 บาท และเนื่องในโอกาสที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเปิดทำการมาเกือบ 42 ปีแล้ว ผมก็เลยถือโอกาสนี้ ลองเปรียบเทียบเสมือนว่าเราอยู่ในวันแรกที่ตลาดหุ้นเปิด … ผลที่ออกมาคือ !!!
เมื่อคุณซื้อหวย เดือนละ 480 บาท เป็นเวลา 42 ปี คุณจะเสียเงินค่าหวยไปเท่ากับ 241,920 บาท แต่จากความน่าจะเป็น การซื้อหวยทำเงินรางวัลให้คุณเฉลี่ยแล้วเพียง 79,930.19 บาทเท่านั้น (ความน่าจะเป็นในการถูกอย่างน้อย 1 รางวัลในแต่ละงวด) คิดเป็นผลตอบแทน -66.96%
เมื่อคุณซื้อหุ้น เดือนละ 480 บาท เป็นเวลา 42 ปี คุณจะมีเงินต้นเท่ากับ 241,920 บาท และด้วยการที่หุ้นนั้นเติบโต มีการเพิ่มขึ้นของราคา มีเงินปันผล (SET Index จ่ายปันผลเฉลี่ย 3% ต่อปี) พอได้เงินปันผลก็เอามาลงทุนต่อ ทำให้ในปีที่ 42 คุณจะมีมูลค่าเงินลงทุนเท่ากับ 4,150,000 หรือคิดเป็นผลตอบแทน +1,616% โดยประมาณ
แต่ถ้า 42 ปี มันนานไป ลองมาดูเมื่อ 10 ที่ผ่านมากันครับ
10 ปีที่ผ่านมา ด้วยการลงทุนแบบเดิม คือซื้อหวยกับหุ้นเดือนละ 480 บาท ผ่านไป 10 ปีคุณจะถูกรางวัลจากหวยแค่ 19,031 บาท ผลตอบแทน -66.96% ในขณะที่ตลาดหุ้นไทยสร้างผลตอบแทนให้คุณ 319,978 บาท หรือ 456% โดยประมาณ
สรุป
บทสรุปของเรื่องนี้ เชื่อว่าทุกท่านคงจะเห็นกันอย่างชัดเจนแล้ว โดยการลงทุนในหุ้นเดือนละเท่าๆ กันนั้น อันจริงแล้วมีชื่อเรียกว่า DCA หรือ Dollar Cost Average หรือพูดง่ายๆ มันคือการออมในหุ้นนั่นเอง ซึ่งการจะซื้อหุ้นไทยทั้งตลาดนั้นอาจจะเป็นเรื่องยาก แต่การลงทุนในกองทุนอย่าง BMSCITH นั้นก็ถือว่าไม่เลวเลยทีเดียว เพราะนี่คือกองทุนที่เป็นตัวแทนของหุ้นไทยในสายตาฝรั่ง ที่จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เหมือนหุ้นตัวหนึ่งครับ … เมื่อรู้เช่นนี้แล้ว อย่ารอช้าที่จะเริ่มศึกษาการลงทุนในหุ้นกันนะครับ
“การลงทุนมีความเสี่ยง นักลงทุนควรศึกษาข้อมูลในหนังสือชี้ชวนก่อนตัดสินใจลงทุน”
ขอบคุณบทความจาก : หลักทรัพย์บัวหลวง เขียนโดยคุณ ปริพรรห์ ปริยอุดมทรัพย์ AFPT™
http://knowledge.bualuang.co.th/knowledge-base/stock-vs-lotto-2/