สัมภาษณ์พิเศษ “โยสต์ ฟอน เดร เฮเดน” (Joost Van der Heijden) หัวหน้าฝ่ายการตลาดภูมิภาคเอเชียและอเมริกาเหนือของแอร์บัส บริษัทยักษ์ผู้ผลิตเครื่องบินขายไปทั่วโลก โดยมีฐานใหญ่อยู่ที่เมืองตูลูส ประเทศฝรั่งเศส และมีสายการบินในประเทศไทยเองก็เป็นลูกค้าอยู่มากมายหลายแห่ง โดยเฉพาะ การบินไทย ที่เป็นลูกค้า วี.ไอ.พี.มาตั้งแต่ปี 2520 จนปัจจุบัน
“โยสต์ ฟอน เดร เฮเดน” กล่าวว่า หากพูดถึงธุรกิจการบินเชิงพาณิชย์ของแอร์บัส 14 ปีมานี้ ได้ส่งมอบเครื่องบินไปแล้ว 688 ลำ เมื่อเทียบปีนี้ (2017) กับปี 2015 เพิ่มขึ้นมา 8%
ถ้าจะพูดถึงปี 2017 ในตลาดการบินแล้ว แอร์บัสมี “แบ็กล็อก”คือเครื่องบินที่อยู่ระหว่างการผลิตรอส่งมอบอีก 6,700 ลำ ซึ่งต้องใช้เวลา 9 ปีในการผลิต กว่าจะส่งมอบได้ทั้งหมด เป็นการแสดงให้เห็นว่าธุรกิจการผลิตเครื่องบินของแอร์บัสเป็นไปด้วยดี อย่างไรก็ตาม ตัวเลขแบ็กล็อกนี้ภายในปี 2017 วางแผนว่าจะให้มีการส่งมอบได้ 700 ลำขึ้นไป ซึ่งเป็นการส่งมอบเกือบ 3 เท่าของที่เคยส่งมอบ มากกว่าปีที่แล้ว ซึ่งแสดงให้เห็นว่าความต้องการของเครื่องบินทางเดินเดี่ยวของตลาดการบินมีสูงมาก
“อนาคตธุรกิจการบินจะเติบโตขึ้นมาก เนื่องจากผู้คนจะเดินทางมากขึ้น สิ่งที่แอร์บัสต้องทำก็คือ พยายามเพิ่มผลผลิตต่อเดือนต่อปีให้ได้มากยิ่งขึ้น เพื่อตอบสนองความต้องการของตลาด ดังนั้น ในปีนี้ได้วางแผนไว้แล้วว่าจะทำยังไง เพื่อทำตามความต้องการของลูกค้าให้ได้”
โยสต์ ฟอน เดร เฮเดน กล่าวว่า ขณะนี้ส่วนแบ่งระหว่างการผลิตเครื่องบินเชิงพาณิชย์และการทหารของแอร์บัส ที่จริงแล้วมี 3 ส่วนคือ เครื่องบินพาณิชย์ อยู่ที่ 73% เครื่องบินทางด้านการทหารกับอวกาศ (ดาวเทียม) 17% และเฮลิคอปเตอร์ 9%
สำหรับตลาดในเอเชีย หัวหน้าฝ่ายการตลาด แอร์บัส กล่าวว่าได้ขยายธุรกิจมาในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก เพราะความต้องการโดยสารทางเครื่องบินเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันเอเชียถือเป็นตลาดสำคัญที่สุดของแอร์บัส และเป็นตลาดที่มีการเปลี่ยนแปลงค่อนข้างมาก การเติบโตสูงอย่างชัดเจน อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของเอเชียปัจจุบันถือว่าเป็นผู้นำโลก และมีความแข็งแกร่ง ส่งผลให้มีการบริโภคและการเดินทางเพิ่มขึ้นในภูมิภาคอย่างมาก
“การเดินทางทางอากาศของเอเชียมีแนวโน้มจะขยายตัวเพิ่มขึ้นอีก 3 เท่าตัว ขณะที่ยุโรปจะเพิ่มขึ้นเพียง 1 เท่าตัวในอีก 20 ปีข้างหน้า ซึ่งแสดงให้เห็นว่าอนาคตต่อจากนี้ตลาดในเอเชียจะเติบโตสูงมาก ทั้งในส่วนภูมิภาคเอง และส่วนที่เดินทางข้ามทวีป เฉพาะเอเชียความต้องการทางการบินจะเป็น 40% ของโลกในอีก 20 ปีข้างหน้า”
สาเหตุที่เป็นเช่นนี้ โยสต์ ฟอน เดร เฮเดน มองว่าเป็นเพราะเศรษฐกิจของเอเชียเติบโตสูงมากขึ้น ดีกว่าทางยุโรป ทำให้มีชนชั้นกลางเพิ่มมากขึ้น และมีรายได้เพิ่มมากขึ้นด้วย จึงมีรายได้ในการเดินทางท่องเที่ยวจับจ่ายใช้สอยเป็นอย่างดี คนชั้นกลางนี้รวมทั้งผู้ที่เดินทางเพื่อทำธุรกิจด้วย อีกทั้งประเทศต่าง ๆ ในเอเชียมีแผนการพัฒนาประเทศในเรื่องโครงสร้างพื้นฐานเพิ่มมากขึ้น ยิ่งทำให้มีเส้นทางใหม่ ๆ เกิดขึ้น และทำให้การเดินทางทั้งสะดวกสบายและง่ายขึ้น
หัวหน้าฝ่ายการตลาดภูมิภาคเอเชีย แอร์บัส กล่าวถึงสิ่งที่ต้องพัฒนาในระดับนานาชาติวันนี้คือ งานด้านวิศวกรรม ซึ่งปัจจุบันแอร์บัสตั้งศูนย์เทรนนิ่งในหลายประเทศ เช่น อินเดีย อเมริกา และจีน เวลานี้พยายามมองหาความร่วมมือจากประเทศอื่น ๆ เพิ่มขึ้น รวมถึงประเทศไทยด้วย ซึ่งแอร์บัสกำลังศึกษาเมกะโปรเจ็กต์ระดับยักษ์ในไทย
"สำหรับประเทศไทย ต้องยอมรับว่าขณะนี้ไทยเป็นศูนย์กลางของเอเชีย เพราะมีเศรษฐกิจที่ค่อนข้างแข็งแกร่ง และยังเป็นประเทศที่มีสถานที่ท่องเที่ยวหลายแห่งในระดับท็อปของโลก คนจากประเทศต่าง ๆ นิยมเดินทางมาเที่ยวเมืองไทย และสนามบินสุวรรณภูมิ ก็เป็นศูนย์กลางของการเดินทาง มีคนเดินทางมากกว่า 90 ล้านคนต่อปี ทั้งนักธุรกิจและนักท่องเที่ยว ซึ่งถือเป็นพื้นฐานสำคัญของเศรษฐกิจไทย"
ประเด็นที่น่าสนใจคือ เรื่องที่แอร์บัสเซ็น MOU กับการบินไทยศึกษาความเป็นไปได้ที่จะจัดตั้งธุรกิจ MRO ที่สนามบินอู่ตะเภา จ.ชลบุรี-ระยอง เรื่องนี้โยสต์ ฟอน เดร เฮเดน บอกว่ายังอยู่ที่จุดของการศึกษาความเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหน
ไทยเองมีศักยภาพในการเป็นฮับ MRO ของภูมิภาค ความร่วมมือระหว่างแอร์บัสกับการบินไทย จะเป็นกลยุทธ์หนึ่งของรัฐบาลไทยที่จะเป็นศูนย์กลางด้านอากาศยานในเอเชีย แต่ตอนนี้ยังยืนยันอะไรไม่ได้ว่าจะทำอะไรกันบ้าง แต่แอร์บัสมีความตั้งใจที่จะร่วมมือ และมองว่าเป็นเรื่องที่ดีของรัฐบาลไทยในการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) มีแผนตั้งศูนย์กลางการบินและอวกาศที่สนามบินอู่ตะเภา ซึ่งเป็นทำเลอยู่ใจกลางภูมิภาค.
“ในอีก 20 ปีข้างหน้า การเดินทางทางอากาศของเอเชียมีแนวโน้มจะขยายตัวเพิ่มขึ้นอีก 3 เท่าตัว ขณะที่ยุโรปจะเพิ่มขึ้นเพียง 1 เท่าตัว ซึ่งแสดงให้เห็นว่าอนาคตต่อจากนี้ตลาดในเอเชียจะเติบโตสูงมาก ทั้งในส่วนภูมิภาคเอง และส่วนที่เดินทางข้ามทวีป เฉพาะเอเชียความต้องการทางการบินจะเป็น 40% ของโลกในอีก 20 ปีข้างหน้า”
ถ้าการบินจะเติบโตขนาดนั้น หุ้นอะไรควรได้รับประโยชน์ ?
ก. หุ้นสายการบิน
ข. หุ้นสนามบิน
ค. หุ้นเติมน้ำมันเครื่องบิน
ง. หุ้นผลิตเครื่องบิน
จ. หุ้นโรงแรม
ฉ. ทุกบางข้อ
ช. ถูกทุกข้อ
..???..
ขอบคุณข้อมูล : ประชาชาติธุรกิจ, นิ้วโป้ง Fundamental VI