== ภาพรวมหุ้นในกลุ่มธนาคาร Q2/2017 ==
== กำไรสุทธิ Q2/2017 ของหุ้นกลุ่มธนาคาร ==
* กำไรรวมงวด Q2 ลดลง 9.19% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
* กำไรรวมงวด 6M ลดลง 0.55% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
กราฟกลุ่มธนาคาร (Day) 31/7/17
มุมมองฝั่งบริษัทหลักทรัพย์ (บล.)
นางสาวอุษณีย์ ลิ่วรัตน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเซีย พลัส เปิดเผยว่า สาเหตุที่กำไรกลุ่มแบงก์ปรับตัวลดลง มาจาก 3 ปัจจัยหลัก ๆ ได้แก่..
ปัจจัยแรก รายได้ดอกเบี้ยรับสุทธิที่ปรับตัวลดลง ซึ่งเป็นผลกระทบจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ MRR และ MOR ลง 0.50% ของกลุ่มแบงก์ขนาดใหญ่ในช่วงปลายเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา ส่งผลให้ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ย (NIM) สุทธิลดลงมาอยู่ที่ระดับ 3.04%
ปัจจัยต่อมา ค่าใช้จ่ายสำรองหนี้สูญและหนี้สงสัยจะสูญที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มแบงก์ขนาดใหญ่ตามตัวเลขหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) หรือหนี้เสียเพิ่มขึ้น
และปัจจัยสุดท้าย รายได้ค่าธรรมเนียม (ค่าฟี) ที่ปรับตัวลดลง ซึ่งกดดันด้วยค่าฟีจากธุรกรรมซื้อขายหลักทรัพย์ตามมูลค่าซื้อขายหลักทรัพย์โดยรวมที่ลดลง
คาดว่ากำไรสุทธิของกลุ่มแบงก์ในช่วงไตรมาส2นี้น่าจะเป็นงวดต่ำสุดของรอบปีนี้ โดยเฉพาะแรงกดดันจากแบงก์ขนาดใหญ่ อาทิ ธนาคารกรุงไทย (KTB), ธนาคารกรุงเทพ (BBL), ธนาคารทหารไทย (TMB), ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) ที่กำไรหดตัวจากการตั้งสำรองหนี้เพิ่มขึ้นตามตัวเลข NPL ที่คาดปรับตัวขึ้นมาระดับ 3.4% จากไตรมาสแรกอยู่ที่ 3.2% โดยหนี้เสียที่เพิ่มขึ้นส่วนมากกระจุกอยู่ในสินเชื่อเอสเอ็มอี สินเชื่อบ้าน และสินเชื่อรายใหญ่ในบางอุตสาหกรรม นางสาวอุษณีย์กล่าว
ส่วนแนวโน้มกำไรสุทธิของกลุ่มแบงก์ในช่วงไตรมาส 3/60 คาดว่าจะกลับมาเติบโตอีกครั้งและน่าจะสูงสุดของรอบปีนี้ ประเมินจากทิศทางการตั้งสำรองหนี้ที่จะปรับตัวลดลง หลังจากในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา แบงก์ขนาดใหญ่มีการตั้งสำรองหนี้ค่อนข้างมากแล้ว ประกอบกับสินเชื่อในครึ่งปีหลังน่าจะเติบโตได้ดีขึ้นตามภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัว ซึ่งจะหนุนให้รายได้จากดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมของแบงก์ปรับตัวสูงขึ้น นอกจากนี้ ประมาณการกำไรโดยรวมของกลุ่มแบงก์ทั้งปีนี้ จะเติบโตประมาณ 7.2% จากปีก่อนหรืออยู่ที่ราว 215,834 ล้านบาท
นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า สัญญาณราคาหุ้นกลุ่มแบงก์ยังน่าสนใจ เนื่องจากประเมินมูลค่าหุ้นแล้วถือว่ายังค่อนข้างถูก เพราะช่วงที่ผ่านมาราคาหุ้นในกลุ่มแบงก์ยังไม่ค่อยขยับขึ้นไปมากนัก และเงินทุนจากนักลงทุนต่างชาติ (ฟันด์โฟลว์) ยังไหลเข้ามาน้อย จึงเหมาะสมในการซื้อลงทุนในช่วงระยะยาว
มองว่าช่วงไตรมาส 3-4 กำไรแบงก์น่าจะทยอยฟื้นตัวหลังจากที่ได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว โดยคาดว่าไตรมาส 2 น่าจะเป็นช่วงจุดต่ำสุดของกลุ่มแบงก์ในปีนี้ นายอภิชาติกล่าว
ขอบคุณข้อมูล : SET, ประชาชาติธุรกิจ, Aspen Thai, Siam Chart, StockRadars