#ข่าวหุ้นธุรกิจการลงทุน

วิกฤตต้มกบ 2560..ประเทศเรามีดีพอที่จะรอดไหม ?

โดย อธิป กีรติพิชญ์
เผยแพร่:
310 views

(ขอบคุณภาพ :  Pantip โดยคุณ play_brain Reviewsiam)

 

== ครบรอบ 20 ปี...เราจะเจอ "ต้มยำกุ้ง crisis" อีกรอบ..? ==

 

ไปเจอมิตรสหาย ที่มองลบมากๆ มองว่า เศรษฐกิจไทยเร็วๆนี้ จะแย่แบบ "วิกฤตต้มยำกุ้ง 2540" ด้วยเหตุผลเชิงวิทยาศาสตร์ ผสมไสยศาสตร์..

 

ทางวิทย์... มองว่าเศรษฐกิจไทยแย่มากๆ มันต้องแย่ๆๆๆ ลงลึกดำดิ่งเจ๊งทั้งกระดาน แบบปี 40 ได้เห็นแน่ๆ 

ทางไสย...มองว่ารอบ 20 ปีกลับมา ต้องเจ๊งอีกรอบ ดาวมฤตยูเคลื่อนย้ายบดบังดาวมยุรี ... คือบับว่า มันยังไงไม่รู้ แต่กรูรู้สึกมีพลังงานบางอย่าง 


เอาจริงๆนะ.. 
"ผมขอเลือก...ไม่เชื่อ... ไม่เชื่อว่า ไทยเราจะแย่แบบปี 40 อีก"


ผมเคยผ่านยุค 2540 ปีนั้น ผมเริ่มทำงานแล้ว อ่านหนังสือพิมพ์ธุรกิจเป็นแล้ว เห็นบริษัทปิดต่อหน้าต่อตา เห็นคนตกงานรับซองขาวหลายที่ รับรู้ความเป็นไปของความ Shipหายแบบสามมิติ 


===================================


ประเทศไทยปี 2560 นั้น มีความต่างกับปี 2540 แบบมากมาย


===================================

 


(ขอบคุณภาพ :  Pantip โดยคุณ play_brain Reviewsiam)


1. ปี 40 อสังหาฯพัง … แต่ ปี 60 อสังหาฯดูดีกว่าตอนนั้นมากมายนัก 
------------------------------------------------

ปี 40 เกิดฟองสบู่อสังหาฯแบบจริงจัง การก่อสร้างอาคารไม่เสร็จมีเต็มเมือง บริษัทอสังหาฯบุ๊ครายได้ 100% เมื่อจอง ถึงเวลาโอนลูกค้าไม่มีปัญญาโอน ก็ต้องทำรายการตัดรายได้ลดกลับ แสดงผลขาดทุนกันแบบน่าเกลียด

 

บริษัทอสังหาฯใหญ่ๆขาดทุนแทบทุกแห่ง บ้านที่สร้างก็ขายไม่ได้ (กู้แบงค์ยากมากกกก ดอกเบี้ยสูงมากกกก เงินสดขาดแคลนมากกกก) สต็อคบ้านเหลือบานเบอะ เป็นที่มาของแคมเปญ "บ้านสร้างเสร็จก่อนขาย" อันลือลั่นในยุคนั้น "บ้าน ไม่ได้เห็น อย่าซื้อ" 

 

ปี 60 บริษัทอสังหาฯใหญ่ๆล้วนเข้มแข็ง มีกำไรสะสมหนา มีกำไรสุทธิ ตึกสร้างแล้วก็ทำกันจนเสร็จ ไม่มีเคสที่คนจ่ายเงินผ่อนดาวน์แล้วไม่มารับโอนกระทั่งล้มเป็นโดมิโน ไม่มีตึกร้างสร้างครึ่งๆกลางๆ ไม่มีใครล้ม 
ยิ่งตึกคอนโดที่สร้างโดย Big Developer ไม่มีที่ไหนสร้างไม่เสร็จ แล้วค้างกลางทาง ... ทุกคนปรับตัว เศรษฐกิจชลอก็ชลอออกโครงการใหม่ ปีนี้ก็กลับมาลุยเปิดอีก ตามโครงการรถไฟฟ้าสารพัดสี
มาตรฐานบัญชีอสังหาก็ต้องบุ๊ครายได้เมื่อโอน ในเชิงงบก็ไม่มีอะไรเซอร์ไพรซ์ 

2. ปี 40 แบงค์ล้ม... แต่ ปี 60 แบงค์ดูดีกว่าตอนนั้นมากมายนัก 
------------------------------------------------

สมัยนั้น แบงค์ล้มมากมาย ลองนึกถึงชื่อธนาคารที่เคยได้ยินสมัยผมเด็กๆ ตอนนี้หายไป เช่น ธ.ไทยทนุ ธ.มหานคร ธ.นครธน ธ.กรุงเทพพาณิชย์การ ธ.สหธนาคาร ฯลฯ ไหนจะบริษัทไฟแนนซ์ที่ปิดไปอีก 53 แห่ง ... ขนาดแบงค์ยังขาดสภาพคล่อง ธุรกิจก็โดนบีบ ไม่ปล่อยเงินกู้เพิ่ม ธุรกิจก็พลอยขาดสภาพคล่องไปด้วย ทั้งๆที่ยังขายของได้ สุดท้ายล้ม แล้วก็ยึดทรัพย์จำนองกันมา ทั้งโครงการหมู่บ้าน โรงงานขนาดใหญ่ ฯลฯ
ยึดมาแล้ว... ดันเอามาขายทอดตลาดในราคาถูกๆในอีกไม่กี่ปีต่อมา เป็นที่มาของมหากาพย์คดีปรส.

ปี 60 แบงค์ไทยเข้มแข็งมาก กำไรดี
ดอกฝากต่ำ 1% ... ดอกกู้ 6-7%
แถมปล่อยกู้ยาก (มีความระมัดระวังในการปล่อยกู้สูงมากกกก) NPL อยู่ในระดับที่คุมได้ แบงค์ใหญ่แบงค์กลางไม่มีใครเสี่ยงล้มเลย หลายๆรายกำไรหนามาก 


3. ปี 40 คนไทยขาดเงินสดหนักมาก... แต่ ปี 60 สถานการณ์เงินสดดูดีกว่าตอนนั้นมากมายนัก 
------------------------------------------------

ปีนั้น cash is king ของจริง ...ทุกคนต้องการเงินสดไปหล่อเลี้ยงธุรกิจ ดอกเบี้ยเงินฝากสูงที่สุดในชีวิตที่เคยเห็นคือ ดอกฝาก14% !!!

คุณคิดดูว่าธุรกิจจะไปรอดได้ยังไง ดอกกู้สิบ % ปลายๆ


ทั้งที่ตอนนั้นเศรษฐีไทยมีสมบัติเหลือเฟือ แต่ไร้เงินสด นักธุรกิจแทบทุกคนประสบปัญหาทางการเงิน ลามมาถึงชนชั้นกลาง ที่รับจ่ายเงินเดือนตามสินค้าของบริษัทที่ตนเองทำงาน

- ทำงานโรงงานเสื้อยืด...จ่ายค่าจ้างเป็นเสื่อยืด นี่ลงไทยรัฐมาแล้ว


- บริษัทเลย์ออฟคน ... ลูกน้องเอาปืนมายิงผู้จัดการด้วยความโกรธ นี่ลงไทยรัฐมาแล้ว 

คนจำนวนมากจึงนำสมบัติ มาขายถูกๆ ขนของลงท้ายรถ ขับรถจากบ้าน มาเปิดท้ายขายของ

ยุคนั้น ตลาดที่ผมเดินประจำคือ ตลาดเปิดท้ายขายของหน้าห้างเยาฮัน ปัจจุบันคือ อาคารฟอร์จูน ติดรถไฟฟ้า MRT พระรามเก้า

เป็นที่มาของตลาดเปิดท้ายขายของ มรดกประวัติศาสตร์นี้ ตลาดบางแห่งกลายเป็นแหล่งค้าขายทำเลดีถึงปัจจุบัน เช่น ตลาดตะวันนา 

ปี 60 คนไทยจำนวนมากมีเงินสดเยอะแยะครับ

 

งานมอเตอร์โชว์ ยังมีคนไทยไปจองรถ ทั้งซื้อสด ซื้อผ่อนกันมากมาย ... คอนโดทำเลที่เป็นที่ต้องการมากๆ อย่างแถวอนุสาวรีย์ ก็เพิ่งมีข่าวคนไปเข้าคิวรอจองกันยาวเหยียด ... เงินสดยังคงมีมากในระบบ ขนาดแบงค์ดูเหมือนไม่อยากรับเงินฝาก 


ไม่เชื่อคุณลองฝากเงินสดซัก 2 ล้าน แล้วปีใหม่เดินไปขอของขวัญ ขอปฏิทิน จากแบงค์ดูซิครับ ... จะพบว่า สาวแบงค์ไม่ได้ทรีทคุณพิเศษเลยแม้แต่น้อย คนมีบัญชีเงินฝากเป็นล้านไม่ได้พาวเวอร์ฟูลเลยยยยย 

ยุคนี้เงินยังล้นระบบอยู่ หากมีวิกฤต ราคา asset ต้องตกลงมากๆ คนมีเงินสดจะมาซื้อ ... แต่มันยังไม่ลงมาเลยครับ ปีที่แล้ว(2559) ช่วงตกใจมากๆ หุ้นลง ลงแป๊บบบเดียว แรงซื้อเข้ามาอย่างเยอะ 

ราคาที่ดิน ก็แพงขึ้นๆ ... ราคาพระเครื่องก็แพงขึ้นๆ...ราคาจิวเวอรี่ก็แพงขึ้นๆ...ราคาธุรกิจที่มีการเจรจา ก็แพงอยู่ ไม่มีใครมาขาย asset กันราคาถูกๆ

 

ด้วย 3 เหตุผลหลัก อสังหาฯ แบงค์ และภาวะเงินสดล้น ผมจึง..ไม่เชื่อว่าเราจะมีวิกฤตแบบ "ต้มยำกุ้ง 2540" อีกรอบ


_______________________________
 


ที่คนกลัวกันมากกว่าตอนนี้ น่าจะเป็น “ต้มกบ 2560” มากกว่า คือ น้ำค่อยๆร้อน เหล่ากบ...ค่อยๆช้ำใน กระทั่งร่างกายถูกต้มทั้งเป็น อันนั้นจะใช้เวลานาน ... และผมยังมองโลกในแง่ดีว่า ด้วยโครงสร้าง ทรัพยากร แหล่งท่องเที่ยว โอกาส และอื่นๆ อีกมากมาย

 

==============================


“ประเทศไทยมีดีพอ” ที่จะรอดจากเหตุการณ์ “ต้มกบ” 


==============================

 

และยังจำ Quote ของ Peter Lynch ผู้จัดการกองทุนในตำนาน ที่กล่าวไว้ว่า

 

“Go for a business that any idiot can run – because sooner or later, "some idiot" probably is going to run it” 



ผมยังเลือก ลงทุนในประเทศไทย และยังเลือกมองโลกสวยว่า.. “เราจะผ่านช่วงนี้ไปได้ ประเทศไทยจะเติบโตได้อีกครั้ง ในอนาคต”

 


เจ้าของหนังสือ Best Seller “ติวหุ้น รวยด้วยวีไอ” และยังเป็นวิทยากรคอร์ส “ลงทุนแนวปัจจัยพื้นฐานแบบ Value/Growth Investor” ด้วยประสบการณ์ในตลาดทุนกว่า 17 ปี และประสบการณ์ในการเป็นติวเตอร์ บวกกับความเป็นคนอารมณ์ขัน  ทำให้คุณนิ้วโป้งสามารถถ่ายทอดเรื่องยาก อย่างการลงทุน ให้เข้าใจได้ง่าย และยังใช้ภาษา ลีลาที่มีเอกลักษณ์น่าสนใจอย่างยิ่ง จึงทำให้ได้รับเชิญไปบรรยายในงานต่างๆ มากมาย

Facebook

บทความอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง