#ข่าวหุ้นธุรกิจการลงทุน

สาเหตุของวิกฤติเศรษฐกิจ ต้มยำกุ้ง

โดย stock2morrow
เผยแพร่:
455 views

 

วิกฤตการณ์ทางการเงินในเอเชีย พ.ศ. 2540 หรือเรียกทั่วไปในประเทศไทยว่า "วิกฤตต้มยำกุ้ง" เป็นช่วงวิกฤตการณ์ทางการเงิน ซึ่งส่งผลกระทบถึงหลายประเทศในทวีปเอเชีย เริ่มตั้งแต่เดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2540 ก่อให้เกิดความกลัวว่าจะเกิดการล่มสลายทางเศรษฐกิจทั่วโลกเนื่องจากการแพร่ระบาดทางการเงิน

 

วิกฤตดังกล่าวเริ่มขึ้นในประเทศไทย เมื่อค่าเงินบาทลดลงอย่างมากอันเกิดจากการตัดสินใจของรัฐบาลไทย ซึ่งมี พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ เป็นนายกรัฐมนตรี ที่ลอยตัวค่าเงินบาท ตัดการอิงเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐ หลังจากความพยายามทั้งหมดที่จะสนับสนุนค่าเงินบาทเมื่อเผชิญกับการแผ่ขยายแบบเกินเลยทางการเงิน (financial overextension) อย่างรุนแรง

 

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ส่วนขับเคลื่อนอสังหาริมทรัพย์ในเวลานั้น ประเทศไทยมีภาระหนี้สาธารณะ ซึ่งทำให้ประเทศอยู่ในสภาพล้มละลายก่อนหน้าการล่มสลายของค่าเงิน และ เมื่อวิกฤตดังกล่าวขยายออกนอกประเทศ ค่าเงินของประเทศส่วนใหญ่ในเอเชียตะออกเฉียงใต้ และญี่ปุ่นก็ได้ทรุดตัวลงเช่นกัน ตลาดหลักทรัพย์ปรับตัวลดลง และรวมไปถึงราคาสินทรัพย์อื่น ๆ และทำให้หนี้เอกชนเพิ่มสูงขึ้น

 

 

ส่วน สาเหตุหลักสำคัญที่ คณะกรรมการศึกษาและเสนอแนะมาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการระบบการเงินของประเทศ (ศปร.) สรุปการเกิดวิกฤตเศรษฐกิจ 2540 มีดังนี้



1.การขาดดุลบัญชีเดินสะพัด

ในช่วงที่เศรษฐกิจของไทยเติบโตมาอย่างต่อเนื่อง ดุลบัญชีเดินสะพัดของไทยก็มีการขาดดุลตั้งแต่ปี 2530 และเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง จนกระทั่งในปี 2539 ประเทศไทยต้องประสบปัญหาการขาดดุลบัญชีเดินสะพัดถึง 14,350 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นผลมาจากการส่งออกที่หดตัวลง 1.9% จากที่เคยขยายตัวสูงในปีก่อนหน้าถึง 24.82% สะท้อนให้เห็นสถานะรายได้ของประเทศที่พึ่งพาการส่งออกในระดับสูงอันเป็นผลสืบเนื่องจากการพัฒนาเศรษฐกิจที่เนินการผลิตเพื่อการส่งออกเป็นสำคัญ


2.ปัญหาหนี้ต่างประเทศ

การเปิดเสรีทางการเงินเมื่อปี 2532-37 ทำให้ประเทศไทยสามารถพึ่งพาเงินทุนจากต่างประเทศได้สะดวก โดยไม่มีความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากค่าเงินที่กำหนดไว้ที่ 25 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ทำให้ผู้กู้ยืมสามารถยืมเงินและคืนเงินกู้ในสกุลเงินตราต่างประเทศได้ใน อัตราดังกล่าว ซึ่งเป็นผลจากการที่ไทยประกาศรับพันธะสัญญาข้อที่ 8 ของกองทุนการเงินระหว่างประเทศในปี พ.ศ. 2533 เพื่อเปิดระบบการเงินของไทยสู่สากล และในเดือนเมษายน พ.ศ. 2534 ประกาศผ่อนคลายการปริวรรตเงินตราต่างประเทศ เดือนกันยายน 2535 รัฐบาลอนุมัติให้ธนาคารพาณิชย์สามารถจัดตั้งกิจการวิเทศธนกิจไทย(Bangkok International Banking Facilities : BIBF) มีธนาคารพาณิชย์ 46 แห่งได้รับมอบใบอนุญาตให้ดำเนินการได้เมื่อเดือนมีนาคม 2536 ทำให้เกิดการขายตัวของระบบการเงินของประเทศที่ส่งผลต่อการเกิดหนี้ด้อยสภาพขึ้นมากในสถาบันการเงินและการกู้เงินจากสถาบันการเงินต่างประเทศเพื่อปล่อยกู้ให้กับธุรกิจในเมืองไทย ณ ปลายปี 2540 หนี้ต่างประเทศของไทยเพิ่มขึ้นในระดับสูงถึง 109,276 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยเฉพาะหนี้ต่างประเทศระยะสั้นที่มีสัดส่วนถึง 65% ของหนี้ต่างประเทศรวม และสัดส่วนเงินสำรองต่อหนี้ระยะสั้นอยู่ในระดับต่ำเพียง 70.40%

3.การลงทุนเกินตัว และฟองสบู่ในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์

ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ได้เติบโตอย่างมากในช่วงปี 2530-2539 ไม่ว่าจะเป็นที่อยู่อาศัย อาคารสำนักงาน สนามกอล์ฟ สวนเกษตร เนื่องจากผู้ประกอบการมีการกู้ยืมเงินจากต่างประเทศและระดมทุนในตลาดหลัก ทรัพย์ของประเทศที่กำลังร้อนแรงได้ง่าย เพื่อมาลงทุนในโครงการอสังหาริมทรัพย์ทั่วประเทศ นอกจากนั้นแล้ว ราคาอสังหาริมทรัพย์ที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องทำให้เกิดความต้องการเก็งกำไร ซึ่งได้ดึงดูดให้มีผู้เข้ามาลงทุนในธุรกิจอย่างมากจนกลายเป็นภาวะเศรษฐกิจฟองสบู่



4.ประสิทธิภาพในการดำเนินงานของสถาบันการเงิน

ปลายปี 2539 เกิดปัญหาความไม่เชื่อมั่นอย่างรุนแรงต่อสถาบันการเงินในประเทศ ทั้งที่เป็นธนาคารพาณิชย์และบริษัทเงินทุนธนกิจทั้งหลาย รัฐบาลสั่งปิดสถาบันการเงินที่เป็นบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ 18 แห่ง ปิดธนาคารพาณิชย์ 3 แห่ง และกระทรวงการคลังมีคำสั่งให้สถาบันการเงินเพิ่มทุนอีก 10 แห่ง ในเดือนมีนาคม 2540 รัฐบาลใช้กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาสถาบันการเงินซึ่งเป็นหน่วยงานของธนาคารแห่งประเทศไทย เข้าสนับสนุนให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ธนาคารพาณิชย์และบริษัทเงินทุน หลักทรัพย์ต่าง ๆ สิ้นเงินไปมากกว่า 6 แสนล้านบาท แต่สุดท้ายต้องสั่งปิด 16 บริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน 2540 และปิดอีก 42 บริษัท เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2540 รวมเป็น 58 สถาบันการเงิน


ในช่วงก่อนวิกฤติ กระบวนการพิจารณาสินเชื่อของสถาบันการเงินเป็นไปอย่างหละหลวม โดยไม่พิจารณาความเป็นไปได้ของโครงการ หรือความสามารถในการชำระเงินคืนอย่างถ่องแท้ การปล่อยสินเชื่อให้แก่พวกพ้องหรือบุคคลที่เกี่ยวข้อง นักการเมืองเป็นไปอย่างกว้างขวาง


เมื่อลูกหนี้เริ่มไม่สามารถชำระหนี้ได้ โดยเฉพาะธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่มีการลงทุนเกินกว่าความต้องการซื้อ ทำให้ธนาคารมีปัญหาสภาพคล่อง หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ หรือเอ็นพีแอลพุ่งขึ้นสูง โดยเอ็นพีแอลสูงสุดที่ 52.3% ของสินเชื่อรวม เมื่อเดือนพฤษภาคม 2542

5.ความไม่มีประสิทธิภาพในการดำเนินนโยบาย

นโยบายการเปิดให้มีการจัดตั้งกิจการวิเทศธนกิจเมื่อปี 2536 ที่อนุญาตให้มีการเคลื่อนย้ายเงินทุนอย่างเสรี โดยไม่มีการเตรียมความพร้อมหรือการกำกับดูแลอย่างมีประสิทธิภาพ ในขณะที่ยังคงใช้ระบบอัตราแลกเปลี่ยนแบบคงที่อยู่ ทำให้ระบบการเงินและเศรษฐกิจของประเทศไม่มีเสถียรภาพปริมาณเงินในระบบได้สูงขึ้นจากเงินทุนไหลเข้าจากต่างประเทศ เมื่อแบงก์ชาติพยายามดูดซับสภาพคล่องโดยการขายพันธบัตร ยิ่งทำให้อัตราดอกเบี้ยที่สูงอยู่แล้วไม่ลดลง ยิ่งทำให้เกิดมีเงินทุนไหลเข้ามามากยิ่งขึ้น


นอกจากนั้นแล้วมาตรฐานการกำกับดูแลสถาบันการเงินของไทยก็ไม่มีประสิทธิภาพ เพียงพอ ทำให้ไม่สามารถตรวจสอบความหละหลวมของการปล่อยกู้ได้อย่างถูกต้องและรวดเร็ว กฎเกณฑ์การกำกับดูแลก็ไม่เข้มงวดเพียงพอที่จะทำให้สถาบันการเงินมีฐานะทางการเงินที่เข้มแข็ง

6.การโจมตีค่าเงินบาท

ปัญหาเศรษฐกิจที่สั่งสมมานานดังกล่าว ทำให้นักลงทุนต่างชาติถือโอกาสโจมตีค่าเงินบาทของไทย ซึ่งเป็นนักลงทุนขนาดใหญ่และนักลงทุนสถาบันที่ระดมทุนมาเก็งกำไรค่าเงินหรือ โจมตีค่าเงินโดยตั้งเป็นกองทุนมีชื่อเรียกว่า Hedge Funds เช่น Quantum Fund ซึ่งดูแลโดยนาย George Soros และนักเก็งกำไรที่คอยผสมโรงรายอื่นๆ

นอกจากนี้ธนาคารพาณิชย์ทั้งไทยและเทศก็เป็นอีกกลุ่มที่แสวงหากำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนเช่นกัน
ในการเก็งกำไรค่าเงินบาทนั้น นักเก็งกำไรอาศัยข้ออ้างจากปัญหาพื้นฐานทางเศรษฐกิจของประเทศ จากการที่ประเทศขาดดุลบัญชีเดินสะพัดจำนวนมาก และหนี้ระยะสั้นสูงเมื่อเทียบกับเงินสำรองทางการ เพื่อใช้ปล่อยข่าวลือว่าจะมีการลดค่าเงินบาท

 

(ขอบคุณภาพจาก : มติชนออนไลน์)

20 ปี วิกฤตต้มยำกุ้งผ่านไป บทเรียนอดีตสู่อนาคต..วันที่ 2 กรกฎาคม นี้ จะเป็นวันครบรอบ 20 ปี วิกฤตเศรษฐกิจไทยปี 2540 ทว่าสภาพเศรษฐกิจและสังคมไทยปัจจุบันยังเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน การลงทุนของเอกชนในไตรมาสแรกของปีนี้ลดลงร้อยละ 1.1 นับว่าหดตัวติดต่อกันถึง 3 ไตรมาส

 

จากงานเสวนา ‘20 ปีวิกฤตต้มยำกุ้ง: อดีตสู่อนาคต’ จัดโดยบริษัทหลักทรัพย์ อินฟินิติ จำกัด เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2560 

 

คุณกรณ์ จาติกวณิช อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และ ดร. ประสาร ไตรรัตน์วรกุล อดีตผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย เห็นตรงกันว่า ขณะนี้ยังไม่มีสัญญาณว่าจะเกิดวิกฤตทางเศรษฐกิจเหมือนกับปี 2540 แต่อย่าชะล่าใจ เพราะที่น่ากังวลกว่าคือ เศรษฐกิจไทยไม่โตด้วยซ้ำ..

 

(ขอบคุณภาพจาก : มูลนิธิมั่นพัฒนา )

ดร. ประสาร ไตรรัตน์วรกุล อดีตผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ชี้ว่าวิกฤตนั้นเกิดขึ้นได้หลายรูปแบบ วิกฤตต้มยำกุ้งที่เกิดขึ้นในปี 2540 นับเป็นวิกฤตทางการเงินตรา (Currency) และธนาคาร (Banking) ขณะที่วิกฤตการเงินโลกปี 2551 เป็นเรื่องของสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) แต่เศรษฐกิจไทยผ่านพ้นมาได้เพราะทุกฝ่ายทำงานหนัก แต่ไม่ควรจะชะล่าใจ 

 

"วิกฤตที่จะเข้ามามี 2 แบบคือ พอจะรู้ตัว กับไม่รู้ตัว ปี 40 มันเหมือนกับเอากบใส่กระทะร้อนที่มีน้ำเดือด แล้วมันกระโดด แต่วิกฤตแบบใหม่จะเป็นกบที่อยู่ในน้ำ ที่ค่อยๆ อุ่นขึ้น"

 

 

ขณะที่ กรณ์ จาติกวณิช ชี้ว่าเศรษฐกิจไทยไม่เจอฟองสบู่แน่ ถ้าเศรษฐกิจไม่โต.. 

 

“ก่อนฟองสบู่จะแตก เศรษฐกิจมันต้องบูมก่อน ทั้งอเมริกา เกาหลีใต้ ขณะที่ประเทศยากจนจะไม่เคยเจอวิกฤต เพราะเศรษฐกิจไม่เคยโต ผมกังวลว่าเราจะไม่ได้เผชิญกับวิกฤตอีกเลย เพราะเราไม่โต ไม่มีความสามารถทางการแข่งขัน ฉะนั้นไม่มีฟองสบู่แน่นอน”

 

ตอนนี้มนต์ขลังของเศรษฐกิจที่เคยเติบโตเมื่อ 30 ปีก่อนก็เริ่มเสื่อมไป อัตราขยายตัวเศรษฐกิจ 5 ปีที่ผ่านมาเป็นตัวสะท้อนที่ดี..ณ วันนี้ หากมองไปสู่อนาคต ผมยังรู้สึกว่าประเทศไทยมีโอกาสเยอะมาก คนไทยอาจจะมองไม่เห็น แต่ความจำเป็นที่ต้องเปลี่ยนแปลงก็เยอะมากเหมือนกัน คือหากเรายังเป็นแบบที่เราเป็นทุกวันนี้ เราจะสูญเสียโอกาสที่เรามี ทั้งที่โอกาสเราดีจริงๆ

 

ส่วนสำคัญอีกส่วนหนึ่งก็คือระบบการเมือง การปกครอง กล่าวคือ การมีส่วนร่วมของประชาชน ความโปร่งใส และการถ่วงดุล เหล่านี้ล้วนแต่เป็นเงื่อนไขและปัจจัยสำคัญต่อโครงสร้างสังคมที่ยืดหยุ่น พร้อมที่จะเปลี่ยนแปลงตามสถานการณ์

 

ขอบคุณข้อมูลจาก : Wikipedia,  THE STANDARD 


ศูนย์รวมความรู้เรื่องหุ้น ศูนย์รวมนักลงทุนรายย่อย ที่อยากรู้วิธีการลงทุนในหุ้นอย่างถูกต้องและได้กำไรอย่างยั่งยืน ติดตามเราได้ที่

www.stock2morrow.com 

FB: stock2morrow 

LINE@stock2morrow

FacebookInstagramYoutubeLine

บทความอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง