{ ฝึกเล่นหน้า Short ให้เป็น !! }
เพราะตลาดหุ้นสมัยนี้ ไม่ได้มีแต่ขาขึ้นอย่างเดียว..แม้ขณะที่ตลาดเป็นขาขึ้น ก็สามารถลงหนักๆ ได้ โดยเฉพาะช่วงที่ SETแพง มันสามารถลงมาได้หลายร้อยจุด..
จุดหนึ่งที่ผมคิดว่าการเทรดผมยืดหยุ่นกว่าคนอื่น เพราะผมมาจากคนที่เทรดสินค้าอย่างพวก Future ซึ่งสามารถเล่นได้ทั้งหน้า Long และหน้า Short เวลาตลาดเป็นขาขึ้น ผมก็มองหาจังหวะเล่นหน้า Long พอตลาดเป็นขาลงก็จะเป็นจังหวะเล่นหน้า Short แต่ถ้าคนมาจากสายหุ้นเพียวๆ จะมองแต่จังหวะซื้ออย่างเดียว
สำหรับคนเล่นหุ้น..ผมถึงอยากให้คำแนะนำว่าต้องศึกษาวิธีการเล่น Future ด้วย เพราะจะใส่ Mindset ของคนที่เล่นหน้า Long ก็ได้ หน้า Short ก็ได้ แปลว่าตลาดเป็นขาขึ้น คุณก็จัดขึ้น ตลาดเป็นขาลงก็จัดลง “ไม่ฝืนตลาด”
ขณะที่เป็นคนเล่นหุ้น Mindset จะเป็นฝั่งซื้ออย่างเดียวเท่านั้น ต้องรอขึ้นอย่างเดียว และเมื่อเฝ้าหุ้นมานานแล้วเห็นสัญญาณหุ้นเริ่มกลับมานิดนึง คุณอาจรีบเข้าหุ้นทันทีเพราะรอมานาน คนที่เล่นแต่หุ้นจะมองหาแต่สัญญาณซื้อ ทั้งที่ความจริงหุ้นมันยังเป็นขาลงอยู่ โอกาสพลาดจึงมี แต่ถ้าพอมีความรู้เรื่อง Future อยู่บ้าง จะไม่มี Bias ว่าต้องรอหุ้นขึ้นอย่างเดียว
อย่างไรก็ตาม Future ที่สามารถเล่นได้ทั้งขาขึ้น และ ขาลง ส่วนใหญ่จะเป็นสินค้าที่มีความเสี่ยงสูง มี Laverage Magin บางคนไม่สะดวกจะเล่น บางคนยังไม่เข้าใจคอนเซ็ปต์ของมาร์จิ้น ก็ยังไม่แนะนำให้เล่น.. แต่แนะนำว่าทุกคนควรต้องศึกษาวิธีคิดของการเล่นทั้งขาขึ้น และขาลงไว้ ผมมองว่ามีความจำเป็น เพราะบางทีผมมองว่ามันเป็นการเสียโอกาสอย่างหนึ่ง ถ้าหุ้นเป็นขาลง แล้วจะมองหาแต่จังหวะเข้าซื้อ เข้าข้างตัวเองว่า หุ้นจะขึ้นเล็กๆ น้อยๆ ทั้งที่จริงแล้วมันยังไม่น่าเล่น..
"เราควรเทรดให้ถูกกับสภาพตลาด หลังจากเรารู้แล้วว่าตลาดมี Trend เป็นอย่างไร.. เราต้องมาเลือกวิธีการเทรดให้เหมาะสม"
หุ้น คือ สิทธิ์ความเป็นเจ้าของกิจการ ถือได้ตลอดไป ไม่มีวันหมดอายุ กิจการดีจริง หุ้นขึ้น 100-1,000% เป็นไปได้
ถือยาวได้ ไม่อึดอัด เพราะมีปันผล
Futures คือ สัญญาซื้อขายล่วงหน้าเป็นข้อตกลงระหว่างผู้จะซื้อ & ผู้จะขายตกลงแล้วไม่ต้องจ่ายเงินเต็ม เพราะการซื้อขายยังไม่เกิดถือยาวไม่ได้ เพราะสัญญามีหมดอายุ
Options คือ สิทธิ์ที่จะซื้อหรือขาย ผู้ซื้อจ่ายตังค์ ได้สิทธิ์ ใช้หรือไม่ได้ก็ได้ ผู้ขายรับตังค์ เกิดพันธะผูกพัน คิดเหมือนซื้อประกันฯ ถือยาวไม่ได้ เพราะมีหมดอายุ ถือยาวไม่ได้ เพราะยิ่งถือนาน มูลค่ายิ่งลด
ธรรมชาติของผลิตภัณฑ์แตกต่างกันขนาดนี้.. ก็ไม่ควรที่จะเทรดเหมือนกัน หรือให้น้ำหนักกับเครื่องมือชุดเดียวกัน...
ถ้ากิจการดีจริง "หุ้น" มีสิทธิ์ขึ้น 100-1,000%+ ได้ การถือให้ยาวจะเวิร์คสุด คืนกำไรยังไงก็ได้มากกว่าเล่นสั้น ดังนั้นเครื่องมือทางเทคนิคที่ต้องให้น้ำหนักสุด คือ Trend indi ไม่ใช่ไปเจอ Divergence แล้วเผ่น ขายหมูหมด
ส่วน Futures นั้นถูกออกแบบให้ใช้ Leverage ได้ หมายความว่า "ไม่จำเป็น" ต้องวางเงินเต็มมูลค่าสัญญา Leverage 1:3 หมายความราคาขึ้น 1% กำไรขึ้น 3% แปลว่าเมื่อมีสถานะเราจะ Price sensitive มาก ถือ Run trend ทนคืนไม่ไหวหรอก ต้องจบเร็วกว่านั้น ต้องเทรดตามจังหวะเหวี่ยงขึ้นลงแต่ละขา หรือ Swing ของราคา ดังนั้นเครื่องมือทางเทคนิคที่ต้องให้น้ำหนัก สุดคือ Momentum indicator
Options ราคาสบัดรุนแรง ถือยาวไป Time decay กินหมด เข้าถูกทางยัง Run trend ไม่ได้เลย จะกำไร Options เต็มๆ ต้องเข้าตอนที่มัน Discount และอาศัยจังหวะสบัดกลับมา เป็น Premium ด้วยยิ่งดี ไม่งั้นก็อาศัย Volatility ดูกรอบราคาและเทรดเป็น Income ไป ดังนั้นเครื่องมือทางเทคนิคที่ต้องให้น้ำหนัก สุดคือ Volatiltiy indicator
เพราะธรรมชาติของหลักทรัพย์แต่ละประเภทแตกต่างกัน วัตถุประสงค์ & ประเภทของผู้เล่นก็จะแตกต่างกัน ผลคือลักษณะราคาก็จะแตกต่างกันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้. ไม่มีหรอกนะครับ Trade setup ที่เวิร์คหมดกับทุกสินค้า
กลยุทธ์ทุกประเภท เวิร์ค ภายในสภาพแวดล้อมเฉพาะของมัน ก่อนหยิบเครื่องมือมาใช้ ทำความเข้าใจ "กลไก" มันเสียก่อน ถ้าเน้นเครื่องมือเยอะไป แต่ลำดับความสำคัญไม่ได้ สุดท้ายเมาหมัด !
หลักสูตร "สร้างกำไรใน TFEX S50" ที่ stock2morrow
วิทยากร ครูหยง ธำรงชัย เอกอมรวงศ์ (Freedom Trader)
เรียน วันเสาร์ และ อาทิตย์ที่ 24 - 25 มิ.ย. นี้ (ที่นั่งมีจำนวนจำกัด)
..เปิดจองที่นั่งแล้ว..ครูหยง สอนสด สมัครได้เลยที่..
>> https://goo.gl/7c8os5 <<
สอบถาม โทร. 090 980 2196
Line@ : @stock2morrow